โอนอ่อนไปตามแรงดึงนั้นของเขา นางโผเข้าหาเขา พริบตาต่อมา นางก็ประหนึ่งพิณเจ็ดสายก็ไม่ปาน นั่งพาดอยู่บนตักที่กำลังขัดสมาธิอยู่ของเขาอย่างเปิดเผยไม่ปิดบัง และถูกเขากอดเข้าเต็มรัก
“ข้าชอบมองเจ้าร้องไห้อย่างแท้จริง เจ้าร้องไห้ ข้ามองดูแล้วปวดใจ ทว่ายังรู้สึกว่าความปวดนี้ปวดได้ดียิ่งนัก” เขาเอ่ยเสียงต่ำ นิ้วมือยาวปาดน้ำตาให้นาง ระมัดระวังราวกับรักถนอมน้ำตาทุกหยดยิ่งยวด “เจ้าว่าข้าที่เป็นเช่นนี้นับว่าปกติหรือไม่”
“ขะ…ข้าไม่รู้ว่าปกติหรือไม่ปกติ” อูลั่วซิงตอบอย่างสัตย์ซื่อยิ่ง นัยน์ตาสีดำดุจหมึกเปื้อนน้ำตา แววตาเปราะบาง กลับชวนให้คนรักสงสารเหลือคณา นางชั่งใจครู่หนึ่ง รวบรวมความกล้าเอ่ยอีก “แต่ข้ารู้ว่าตนเองไม่ปกติ”
ฉินชิวได้ฟังพลันเลิกคิ้ว สีหน้าสนอกสนใจ คล้ายกำลังถามว่านางหมายความว่าอะไร
นางนิ่งเงียบไปครู่จึงเอ่ยปาก แต่ละคำล้วนพูดอย่างเนิบช้า…
“ก็คือในใจรักชอบท่าน รักชอบอย่างที่สุด กระนั้นก็จะมีความต้องการชั่ววูบขุมหนึ่งอยู่เสมอ…ต้องการจะ…ฉีกร่างท่านกลืนลงท้อง ทางที่ดีแม้แต่เศษเดนก็ไม่เหลือ ไม่อยากให้ผู้ใดหมายปองท่าน มองท่านนานขึ้นสักวูบก็ไม่ได้ อยาก…อยากให้ท่านเป็นของในครอบครองของข้าคนเดียวเท่านั้น…”
ครั้นเมื่อเปิดเผยด้านมืดในจิตใจออกมาก็ราวกับละอายใจจนไม่มีหน้าจะอยู่ต่ออย่างยิ่ง นางดิ้นรนเล็กน้อยหมายจะลุกขึ้น ทว่าเอวพลันถูกฉินชิวโอบกอดแน่นขึ้นอีก ลมหายใจเข้าออกล้วนถูกช่วงชิงไป
แต่เท่านี้ยังไม่พอ และยังห่างไกลจากคำว่า ‘พอ’ มากนัก ร่างกายของนางราวกับเปลี่ยนเป็นพิณเจ็ดสายคันหนึ่ง พาดอยู่บนตักเขาปล่อยให้เขากระทำตามใจชอบ เขาใช้ทักษะการบรรเลงพิณแสดงออกมาบนเรือนร่างนาง นิ้วมือเรียวยาวทั้งห้าสอดเข้าไปในสาบเสื้อนาง แทรกลึกเข้าไปสู่ชั้นในสุด และกอบกุมความเต่งตึงนุ่มหยุ่นของหญิงสาว
ถึงขั้น…ถึงขั้นหน้าไม่อายเหลือแสน สอดมือเข้าไปใต้กระโปรงจากเบื้องล่าง ทำลายสิ่งกีดขวาง แหวกเปิดออกชั้นแล้วชั้นเล่า จวบจนตามหาหุบเขาน้ำผึ้งของอิสตรีที่น้ำได้เอ่อล้นทะลักนั้นพบ เขาก็บดคลึงแช่มช้าแผ่วเบา กึ่งรักสงสารกึ่งหยอกเย้า ก่อกวนจนนางประหนึ่งโดนฟ้าผ่ากลางกระหม่อม แผ่นหลังสั่นระริกไม่อาจควบคุมตนเอง
“หากลั่วซิงไม่ทอดทิ้ง ชั่วชีวิตนี้ ข้าก็เป็นของเจ้าผู้เดียว”
บทบรรเลงพิณใต้ปลายนิ้วของเขาชวนให้คนมัวเมา คำสัญญาที่เขากล่าวยิ่งคล้ายเป็นยาปลุกเร้าอารมณ์อย่างรุนแรง อูลั่วซิงไม่อาจต้านทาน ไม่ยอมและไม่อยากต้านทาน นางปล่อยให้คลื่นความรู้สึกม้วนกลืนทั้งร่างบางไปอย่างบ้าคลั่ง สำราญใจเต็มที่โดยไม่ห่วงพะวงสิ่งใด
ท้ายที่สุดเป็นผู้ใดโผเข้าหาผู้ใดก่อน…ยากที่จะแยกแยะชัดแจ้ง
ริมฝีปากของทั้งสองแนบชิด ตระกองกอดกันและกันอย่างลึกซึ้ง ถ้อยคำเปลี่ยนไปเป็นของเกินความจำเป็นอย่างที่สุด ประหนึ่งอาภรณ์ที่ใช้ปกปิดร่างกาย ไร้ประโยชน์อย่างยิ่งยวด ไม่เป็นที่ต้องการแต่อย่างใด
เมื่อแรงปรารถนาท่วมท้น ย่อมไม่ต้องการการเล้าโลมที่มากเกินไป เรือนร่างที่มีไอชื้นลอยขึ้นหาท่วงท่าในการสอดประสานได้อย่างง่ายดาย กระบี่แข็งคืนสู่ฝักอย่างร้อนแรงดุจเพลิงไฟ ห่อหุ้มปราศจากช่องว่างแม้แต่น้อยนิด ทุกการหยัดเอวถอนสะโพก ทั้งจังหวะเคลื่อนไหวครั้งแล้วครั้งเล่านั้นล้วนสามารถเขียนออกมาเป็นท่วงทำนองครางครวญอย่างปรารถนาของหญิงสาว นางครางอย่างลุ่มหลงในตัณหาและความแน่นแฟ้นถึงเพียงนั้นก็พลันเบียดแทรกเข้าสู่เรือนกายตรงๆ
เคราะห์ดีที่บริเวณใกล้กับใจกลางทะเลสาบไม่มีเรือลำที่สองลอยอยู่ หากถูกได้ยินเข้า เกรงแต่ไม่ว่าผู้ใดก็คงหน้าแดงแก้มแดงเสียแล้ว
หลังจากนั้น…
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มในเดือน มกราคม 64)