ทดลองอ่าน ปีศาจเย้ารัก บทที่ 7-บทที่ 8 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปีศาจเย้ารัก บทที่ 7-บทที่ 8

ในส่วนลึกยิ่งของจิตวิญญาณกับสติสัมปชัญญะของนาง ที่จริงนั้นหลงใหลการบุกรุกเช่นนี้ หวังไว้ว่าบนโลกใบนี้จะปรากฏคนผู้หนึ่ง พลังอย่างหนึ่งที่สามารถครอบงำร่างกายและสมองของนางได้โดยสมบูรณ์ นางปรารถนาที่จะส่งมอบตัวนางออกไป โหยหาการได้อยู่ในอ้อมกอดของบางคนปล่อยให้อีกฝ่ายประพฤติตนตามใจ

และคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังชีวิตด้วยผู้นั้นก็คือเขา คือผู้เป็นเจ้าของหอซือเฟยแห่งนี้…ฉินชิว

นางร่างกายสั่นระริกมากขึ้นทุกขณะ อารมณ์ปรารถนาเอิบอาบไปทั่วสรรพางค์กาย อาบย้อมร่างกายนางทั้งด้านในด้านนอกจนเปียกชุ่ม

บุรุษที่ทาบทับบนแผ่นหลังนางอยู่ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด เขากดหัวไหล่นาง จับข้อมือนาง ความร้อนในร่างกายลอยขึ้นราวกับสามารถกลายเป็นไอได้ กลิ่นจันทน์หอมเปลี่ยนเป็นเข้มข้นขึ้น ประหนึ่งยาปลุกเร้าอารมณ์รัญจวน แทรกซึมเข้ามาในลมหายใจเข้าออกของนาง

นางหอบหายใจรัวเร็วไม่หยุด ท้องน้อยหดเกร็งแผ่วเบา พร้อมกันนั้นกาหยกเปี่ยมความฉ่ำวาวเหนียวข้นก็กระตุกเกร็งโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

นางได้ยินเสียงเขาหอบหายใจต่ำที่ด้านหลัง ทันใดนั้นเรือนร่างร้อนลวกก็ทาบทับลงมา ทั้งร่างของเขาทับอยู่บนหลัง งอศอกยันไว้ตรงบ่าทั้งสองของนาง เส้นผมดำขลับมันวาวปล่อยสยาย แทบจะปกคลุมทั้งศีรษะของนาง

ด้วยเพราะติดอยู่ใต้ร่างกายและเรือนผมดุจผ้าม่านของเขา นางมองไม่เห็นเขา แต่แล้วประสาทสัมผัสด้านอื่นกลับแจ่มชัดเป็นเท่าทวี ผิวกายร้อนประหนึ่งเปลวไฟ ขณะเดียวกันก็คล้ายเป็นก้อนน้ำอุ่นที่ถูกเขาเจาะทะลุ

ตอนที่เขาเอียงหน้ามาดูดเม้มติ่งหูนาง ร่างกายส่วนล่างก็เพิ่มแรงเข้าออกหนักหน่วงมากขึ้น เร็วขึ้นทุกขณะ กระแสความร้อนวาบผ่านแขนขาทั้งสี่ของนางเป็นระลอกๆ นางสั่นสะท้านตั้งแต่ภายในร่างสู่ภายนอก แผ่ลามไปถึงทุกรูขุมขนจนถึงขนทุกเส้น

นางสติสัมปชัญญะแตกกระเจิง ในตอนที่พุ่งทะยานทะลุขีดสุดนั้นก็ดิ่งร่วงลงต่ำโดยแรงทันที

นางไม่อาจต้านทาน ปล่อยให้พลังไร้รูปนั้นโยนนางขึ้นสูงแล้วผลักลงต่ำ ร่วงลงสู่ห้วงความเวิ้งว้างที่ไร้สิ้นสุด…

 

ราวกับมีแสงแดดเบาบางยิ่งลอดเข้ามา

แต่…ไม่สมควรเป็นแสงแดดสิ

อูลั่วซิงครุ่นคิดด้วยสติพร่าเลือน

ในห้องลับอันใหญ่โตนี้ไม่มีฟ้าไม่มีดิน ไม่มีกระทั่งหน้าต่างเล็กๆ สักบาน ยากแยกแยะอย่างแท้จริงว่าด้านนอกฟ้าสว่างแล้วหรือไม่

ด้วยเพราะยากแยกแยะ นางจึงนึกว่ารัตติกาลยังคงลุ่มลึกอยู่เช่นเดิม ดังนั้นจึงยิ่งปลดปล่อยตามใจเพรียกหา…

ทั้งร่างของนางราวกับละทิ้งซึ่งความแข็งแรงออกไปหมดสิ้น อ่อนชาไร้กำลังดุจดินโคลน คนฝึกยุทธ์ไม่ควรเป็นดังนี้ ผู้ที่ยึดการสังหารผู้คนเป็นอาชีพยิ่งไม่สมควรเป็น นางทำผิดข้อห้ามสำคัญ แต่ก็หาได้สนใจไม่ อย่างน้อยเวลานี้ชั่วขณะนี้ ยามที่นางเอาหน้าผากจรดหน้าผากบุรุษผู้นี้และนอนเคียงข้างกันเช่นนี้ นางไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นแม้สักกึ่งหนึ่ง

ในร่างกายยังคงมีกระแสแห่งอารมณ์สิเน่หาหลงเหลือ เสมือนเขายังคงอยู่ในร่างกายนาง หนุนดันนาง ใช้จังหวะการเต้นของชีพจรเดียวกันกับนาง

นางลอบปรับลมหายใจครู่ใหญ่จึงค่อยฟื้นคืนเรี่ยวแรงกลับมา ยามลืมตาขึ้นเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้นางมากนั้นดวงตาปิดสนิทเรียวคิ้วผ่อนคลาย แลคล้ายยังคงหลับใหล

ตอนที่นางยื่นนิ้วไปดึงผมบนใบหน้าเขาออก หมายจะสัมผัสไฝเม็ดเล็กยั่วยวนใจคนตรงกรามซ้ายของบุรุษนั้นเอง เขาก็เปิดเปลือกตาขึ้นฉับพลัน สองตาแจ่มใสกระปรี้กระเปร่า เห็นชัดว่าตื่นตั้งนานแล้ว หรือไม่ก็อาจจะไม่ได้หลับตั้งแต่ต้น

เขากะพริบตาอย่างซุกซนและแย้มยิ้มให้นาง ประหนึ่งการหยอกเย้านางสำเร็จทำให้เขาเปรมปรีดิ์ยิ่งนัก

จากนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มแผ่วอ่อนโยน “ร่างกายลั่วซิงตึงเครียดยิ่ง เวลานี้รู้สึกสบายขึ้นแล้วใช่หรือไม่”

นางที่หน้าแดงหูร้อนเป็นทุนเดิมพอโดนเขาถามเช่นนี้ พวงแก้มแดงก่ำยิ่งแดงดุจจะมีโลหิตซึมออกมากระนั้น แต่นางมิได้หลบเลี่ยงสายตาจับจ้องของเขา และก็ไม่มีที่เลี่ยงหลบ จึงรับคำแผ่วเบาด้วยใบหน้าแดงปลั่ง

เขาหยักมุมปากยิ้ม “ข้าก็รู้สึกสบายเหมือนกัน”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้นัยน์ตาลึกล้ำจ้องมองนางพลางเอ่ยถามต่อว่า “ลั่วซิงชอบหรือไม่”

“…อืม” นางค้อมศีรษะเล็กน้อย มิได้ลังเล “…ชอบ”

เมื่อได้สดับวาจาเช่นนี้จากอีกฝ่าย ดวงตาคู่งามของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเส้นโค้งเพราะแย้มยิ้ม พาให้อารมณ์อ่อนไหวในอกนางยิ่งแผ่ขยาย ก่อนจะยิ้มบางๆ ตอบรอยยิ้มของเขาโดยไม่รู้ตัว

ราวกับชมชอบท่าทางยามนี้ของนางเป็นที่สุด เขาโน้มตัวเข้ามาจุมพิตนางทันที จุมพิตริมฝีปากรูปผลอิงเถาดุจนกจิกกินผลไม้ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…เมื่อถึงครั้งที่สี่ แขนเนียนละเอียดดุจรากบัวของนางก็รู้จักโอบรอบคอเขาในที่สุด ฉุดรั้งริมฝีปากและเรียวลิ้นของเขาไว้ เคล้าคลอแลกเปลี่ยนความร้อนรุ่มในร่างกายของกันและกัน

หลังจากนั้นก็จดจำได้ไม่ชัดเจนว่าผู้ใดกอดผู้ใดก่อน ทั้งสองเกี่ยวกระหวัดเรือนร่างเข้าหากัน กลิ้งเกลือกไปมาบนเตียง ประเดี๋ยวนางอยู่ด้านบน ประเดี๋ยวเปลี่ยนไปเป็นเขา จูบไปพลางกลิ้งไปพลางยั่วหยอกไปพลางเย้าแหย่ไปพลาง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com