เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาจากปากและไรฟันที่พันพัวแนบชิด จวบจนกลิ้งไปถึงตอนท้าย ผิวพรรณที่แนบสนิทประหนึ่งมีไฟลุกโชนขึ้นมา อารมณ์ปรารถนาที่ยังหลงเหลือโหมซัดสาดขึ้นอีกครา
“ลั่วซิง…” เขาใช้มือข้างหนึ่งล้วงลงสัมผัสเบื้องล่าง ความชื้นชุ่มเปี่ยมล้นฝ่ามือ แรงที่เอวหนักหน่วงขึ้นทันใดหมายจะเข้าสู่ใจกลางเรียวขานาง
วี้ด…ปัง! ปัง! ปัง!
“ชะ…ช้าก่อน!” อูลั่วซิงลืมตาโพลง ออกแรงผลักเขาออกกะทันหัน
ฉินชิวแม้มิได้หกล้มบาดเจ็บ แต่หวุดหวิดจะกลิ้งตกลงจากเตียงไปพร้อมกับผ้าห่มอยู่รอมร่อ เคราะห์ดีที่เตียงที่วางในห้องลับเป็นเตียงกว้างที่ยามปกติรองรับคนนอนได้ราวหกเจ็ดคน
“ขออภัยด้วย ขะ…ข้าขออภัยจริงๆ ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” อูลั่วซิงถามพลางก้าวลงจากเตียงด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่า เดิมคิดจะคว้าเสื้อแขนยาวที่พาดอยู่บนราวมาปกปิดร่างกายชั่วคราว หางตาพลันปราดเห็นอาภรณ์รัดกุมทั้งชุดของตนได้รับการจัดเก็บอย่างดีวางอยู่ด้านหนึ่ง
นางสวมชุดรัดกุมนั้นทีละชิ้นต่อหน้าบุรุษ การเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งนัก
“เหตุใดจึงปฏิเสธข้า ลั่วซิงไม่ชอบแล้วหรือ” ฉินชิวยกแขนขึ้นรวบผมยาวสยายดุจน้ำตกไว้ด้านหลังพลางเอ่ยถามอย่างแช่มช้า แววตาลึกล้ำยิ่ง
อูลั่วซิงรีบสั่นศีรษะพลางสวมถุงเท้ายาว “ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าต้องการปฏิเสธ แต่เพราะ…”
วี้ด…ปัง! ปัง! ปัง!
ต่อให้อยู่ในห้องลับก็ยังพอได้ยินเสียงดังจากด้านนอกรางๆ เสียงพลุดังติดกันสามครั้ง ก่อนนี้ดังไปแล้วระลอกหนึ่ง ยามนี้ดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ซ้ำร้ายเวลานี้นางใส่ใจสังเกตจึงได้ยินชัดเจนจนมิอาจชัดเจนได้อีก
อูลั่วซิงดันประตูเปิดพุ่งออกจากห้องลับทันที ทอดสายตามองออกจากหน้าต่างที่อ้าเปิดอยู่บนหอซือเฟยไปยัง…ที่ห่างไกล บนท้องฟ้าสูงที่ยังไม่สว่างดีมีดอกไม้ไฟสีแดงเล็กๆ แขวนอยู่สามดวง ดอกไม้ไฟค้างอยู่ไม่ถึงชั่วกะพริบตาก็ร่วงหล่น และหายลับไปไม่ทิ้งร่องรอย
บุรุษสวมชุดคลุมยาวเดินตามออกมา ฝ่ามือใหญ่ที่มีข้อนิ้วสง่างามยื่นมาจากด้านหลังเคลื่อนจากเอวนางลงใต้สะดือ หน้าอกที่อุณหภูมิยังร้อนสูงแนบตามมาบนแผ่นหลังงดงามของนาง และโอบนางเข้าสู่อ้อมกอด
“เจ้ารู้ดี ทั้งในใจยังกระจ่างชัดยิ่ง เจ้าปรารถนาข้า เหมือนที่ข้าต้องการเจ้าก็ไม่ปาน ก็เหมือนสัตว์ที่อยู่ในช่วงเกิดอารมณ์กำหนัดสองตัว หนึ่งตัวผู้หนึ่งตัวเมีย เมื่อได้กลิ่นของอีกฝ่ายก็คล้ายถูกปีศาจเข้าสิง นอกจากผู้ที่ชะตาลิขิตไว้ผู้นั้น ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการ ไม่มียาใดรักษาได้ ไม่มีหนทางแก้ไข…” เขาโน้มกายมาพลางเกยใบหน้าหล่อสง่าบนบ่านาง กลีบปากจ่อที่ใบหูนางอย่างแนบแน่น พ่นลมหายใจต่ำพร่าพลางกล่าวต่อ “ตามข้ากลับไปที่เตียงเถิด ยังมีวิธีการปรนนิบัติอีกมากมายยิ่งที่ยังไม่ได้ใช้กับลั่วซิงเลย”
เสียงของเขาเย้ายวนใจเกินไป ลมหายใจอุ่นร้อนเกินไป อ้อมกอดชวนให้จิตใจหลงใหลป่วนปั่นเกินไป ล่อลวงให้คนจมดิ่งลงไปอย่างยินยอม…
อูลั่วซิงอดรู้สึกชุ่มชื้นอีกครั้งไม่ได้ ทั่วกายตั้งแต่หัวจดเท้าด้านในถึงด้านนอก ทั้งชื้นทั้งร้อน ทั้งคันทั้งชา
คล้ายถูกอะไรที่ไร้รูปทว่าทรงพลังดึงดูดจิตวิญญาณ จับยึดร่างกายเอาไว้ หัวเข่าสองข้างของนางอ่อนยวบ ไม่อาจต้านทานได้
วี้ด…ปัง! ปัง! ปัง!
ผลสรุปคือเมื่อพลุพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและระเบิดออกเป็นครั้งที่สาม หญิงสาวที่จวนจะตกลงสู่ห้วงทะเลแห่งตัณหาก็ได้สะดุ้งหลุดจากภวังค์โดยแรง
อูลั่วซิงใช้กำลังภายในกระแทกบุรุษที่เกาะติดนางไม่ปล่อยจนเขากระเด็นออกไป
หนนี้นางรีบร้อนเกินไป ประเมินแรงไม่ดีพอ ด้วยเหตุนี้คุณชายฉินชิวในฐานะคุณชายอันดับหนึ่งแห่งสำนักชิงเยี่ยนจึงถูกซัดถอยออกไปหลายก้าวในชั่วพริบตา เขาถอยกรูดและถอยกรูดอีกครั้ง ท้ายที่สุดก็หยุดยั้งแรงส่งไม่อยู่ แผ่นหลังกระแทกกับผนังตรงๆ ทั้งร่างพิงผนังล้มพับกับพื้น
“ท่าน…” อูลั่วซิงลำบากใจสุดแสนอย่างแท้จริง นางกัดฟันแน่น ก่อนจะเอ่ยอธิบายว่า “เป็นอาจารย์กำลังเรียกข้า เขาจุดพลุสัญญาณเรียกข้ากลับไป พลุนี้จุดลูกหนึ่งระเบิดติดกันสามครา แตกต่างจากพลุธรรมดา ย่อมต้องเกิดเรื่องด่วนอะไรที่เรือนไผ่ตรงชานเมืองตะวันตกอย่างแน่นอน เขาจึงใช้วิธีการรีบด่วนปานนี้แจ้งให้ข้ารู้”