“เป็นกลิ่นจันทน์หอมไม่ผิด ทั้งยังเข้มข้นเกินไปโดยแท้ ขออภัยจริงๆ ข้ากังวลว่าใต้เท้าจะลงมือสังหาร จึงเร่งสร้างกลิ่นหอมขึ้นมาจนลืมขอบเขต”
อูติ้งเซินได้ยินว่ามีคนตอบ ในใจไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย ทั้งไร้ความหวั่นกลัว แลคล้ายนั่นเป็นเสียงที่ดังออกมาจากจิตใต้สำนึกของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดในหัว ไม่ต้องกล่าววาจาออกจากปาก ก็มีเสียงอีกสายหนึ่งตอบโต้เขา
ฆ่าไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลาลงมือ
“เหตุใดจึงไม่ฆ่า ฆ่าแล้วหนึ่งปัญหาใหญ่สิ้นสุดร้อยปัญหาที่เหลือก็จะพลอยจบลงไปด้วยไม่ใช่หรือ” น้ำเสียงแฝงแววสนับสนุน
คิดจะฆ่าคนที่ไม่มีแม้แต่แรงมัดไก่เช่นนี้คนหนึ่งย่อมง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ เพียงแต่เวลานี้หากเอาชีวิตอีกฝ่าย ลูกศิษย์ของเขาก็จะเกิดความระแวงสงสัยในตัวเขาอย่างแน่นอน…
เฮอะ นางกับชายคนรักกำลังรักใคร่ร้อนแรง เพื่อสินค้าชั้นต่ำสกปรกโสมมนี้ไม่เพียงหวนกลับล่าช้าทุกครั้ง ยังกล้าชักสีหน้าให้ข้าเห็น!
“ชักสีหน้าให้ท่านเห็น? นี่กลับน่าแปลกแล้ว ชักสีหน้าอย่างไรกัน ลองว่ามาสักหน่อยเถิด” น้ำเสียงนี้ราวกับกำลังแสนจะชอบใจอย่างไรอย่างนั้น
หึๆ นิสัยอย่างนางจะชักสีหน้าเยี่ยงไรได้อีก
หัวแข็งถึงที่สุด ชอบไม้นวมไม่ชอบไม้แข็งน่ะสิ!
นางเอาแต่ปกป้องหนุ่มหน้าขาวไม่ลดละ หากนางมองออกว่าเขาเป็นคนลงมือ ย่อมเป็นการทำลายความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของพวกเขาเป็นแน่แท้
เขาไม่อยากแตกหักกับลูกศิษย์ นางมีประโยชน์มากเกินไป ก่อนหน้าตอนที่ยังรวบรวมหญ้าหลิงจี้ไม่ครบ สำหรับพวกเขาสองคนพ่อลูก การดำรงอยู่ของอูลั่วซิงมีความจำเป็นยิ่งยวด
“หากกล่าวดังนี้ ความสัมพันธ์หลายปีเพียงนี้ ที่เจ้าปฏิบัติกับอูลั่วซิงก็เป็นเพียงการแสดงภายนอกเท่านั้น” นี่มิใช่คำถาม ทว่านี่เป็นการเอ่ยสรุปออกมาเรียบๆ
ปีนั้นหมู่บ้านเล็กบนภูเขาได้รับผลกระทบร้ายแรงจากน้ำท่วม ครอบครัวนางเสียชีวิตหมดสิ้น เหตุผลที่ช่วยเหลือนางเดิมก็เพราะอยากหาคนอยู่เป็นเพื่อนเฉี่ยวเอ๋อร์ มิคาดคิดเลยว่าจะเก็บเมล็ดพันธุ์ดีในการฝึกยุทธ์มาได้ นางมีพรสวรรค์ชั้นยอด ทั้งยังอดทนต่อความตรากตรำ การสั่งสอนอย่างตั้งอกตั้งใจนานปี ชั่วชีวิตของนางมีไว้ให้พวกข้าพ่อลูกใช้งานก็เป็นเรื่องประจวบพอดีเท่านั้นเอง
มิทราบว่าเป็นการแสดงออกแต่ภายนอกแล้วอย่างไรเล่า
ขอเพียงไม่ถูกนางรู้เข้า ความรู้สึกจอมปลอมเพียงไรก็เป็นของจริง สามารถทำให้นางทำงานเพื่อข้าอย่างว่าง่าย บุกน้ำลุยไฟไม่หลบเลี่ยง ทำให้นางดูแลเฉี่ยวเอ๋อร์อย่างดีด้วยความสำนึกในฐานะตนไปตลอด ค้อมกายนอบน้อมทำหน้าที่เต็มความสามารถจวบจนชีวาจะหาไม่ เช่นนี้จึงจะเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง
“หากนางรู้เข้า ย่อมทุกข์ทรมานนักหนาเป็นแน่” เสียงนี้เอ่ยพลางถอนใจอย่างแช่มช้า
หากเป็นเช่นนั้น นางก็ต้องว่าง่ายๆ ชายบำเรอนามฉินชิวผู้นี้เป็นจุดอ่อนของนาง หากนางกล้าทำอะไรโดยไม่เชื่อฟัง ก็สามารถลงมือกับชายคนรักของนางได้ทุกเมื่อ ถึงยามนั้นอย่าหาว่าข้าใจเหี้ยมก็แล้วกัน
“เป็น…จุดอ่อนหรือ หืม…เป็นจุดอ่อนของนางด้วยหรือ อืมๆ…” น้ำเสียงลุ่มลึกเมื่อชั่วครู่ก่อนพลันเปลี่ยนแปรกะทันหัน คล้ายดูปลื้มปริ่มไม่น้อย
อูติ้งเซินได้ยินเสียงนั้นเอ่ยขึ้นอีก…
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ให้นางทุกข์ทรมานอย่างสาหัสสักครั้งเสียเถิด”
เจ้าว่ากระไรนะ
ช้าก่อน! ไม่ถูกต้อง! เจ้าไม่ใช่ข้า!
เจ้าเป็นใครกันแน่!