ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ปีศาจเย้ารัก บทที่ 7-บทที่ 8
อูติ้งเซินลืมตาโพลงลุกขึ้นนั่งทันใด ครั้นเมื่อมองเห็นแจ่มชัดว่าตนเองอยู่ที่ใด ในใจทั้งตระหนกสงสัยทั้งฉงนสนเท่ห์อย่างลึกซึ้ง
ที่นี่คือเรือนไผ่ที่เขาสร้างขึ้นเองกับมือ เขาตื่นขึ้นบนเตียงไผ่ที่ปูด้วยเบาะนุ่มของตนเอง เบาะนุ่มใต้ร่างนี้ยังเป็นบุตรสาวสุดที่รักอูเฉี่ยวเอ๋อร์ช่วยเขาเลือกให้ตอนที่เข้าเมืองไปซื้อของจิปาถะที่ใช้ในชีวิตประจำวันเมื่อปีกลาย
สิ่งของที่จัดเรียงรอบตัวทั้งหมดช่างคุ้นเคยยิ่งนัก นี่เป็นที่ของเขา ห้องนอนของเขา แต่…เขาเสมือนหลงลืมอะไรบางอย่างไป
ใช่! เขานึกออกแล้ว! เขาเข้าไปสำรวจสำนักชิงเยี่ยนกลางดึก คลำไปถึงข้างเตียงของคุณชายฉินชิวโดยไร้สุ้มเสียง เขาเลิกม่านโปร่งนั้นออกคิดจะพินิจดูให้ละเอียดมากขึ้นหน่อย ต่อจากนั้น…เอ…ประหลาดยิ่ง เขาราวกับมองอะไรไม่เห็นทั้งสิ้น
“ท่านพ่อ!” เด็กสาวรูปร่างผอมบางคนหนึ่งเปิดม่านประตูที่ทำจากซี่ไผ่ร้อยเรียงเข้าด้วยกันออกเป็นช่องกว้าง จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นเข้ามาถึงข้างเตียงไผ่ “ท่านพ่อในที่สุดก็ตื่นเสียที ดวงอาทิตย์ได้ส่องก้นท่านจริงๆ แล้ว”
“เฉี่ยวเอ๋อร์ นี่เป็นยามอะไร”
อูเฉี่ยวเอ๋อร์ตอบอย่างน่าเอ็นดู “เลยเที่ยงวันแล้วเจ้าค่ะ เช้าวันนี้ข้าช่วยศิษย์พี่ทำอาหารเช้าทั้งหมด ท่านพ่อกลับเอาแต่นอน นอนอยู่นั่น ข้าเข้ามาดูตั้งหลายครั้ง ล้วนเห็นท่านพ่อนอนหลับสนิทยิ่ง ทั้งยังนอนกรนอีกต่างหาก”
อูติ้งเซินมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยนอนจนไม่รู้เรื่องรู้ราวมาแต่ไหนแต่ไร นึกไม่ถึงกระทั่งบุตรสาวเข้ามามองสำรวจหลายหน เขาล้วนไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด
“เฉี่ยวเอ๋อร์เข้ามาดูพ่อเช้าที่สุดคือเมื่อใด” เขาลูบดวงหน้าเล็กขาวซีดที่ชอบแย้มยิ้มของบุตรสาวอย่างเบามือ
“หลังจากศิษย์พี่เข้าไปจุดไฟในห้องครัว ข้าก็ตื่นแล้ว นึกว่าท่านพ่อตื่นด้วยเช่นกัน ยามนั้นจึงลอบเข้ามาดูแวบหนึ่ง กลับไม่ใช่เลย” อูเฉี่ยวเอ๋อร์หย่อนก้นลงนั่งบนเตียงไผ่พลางเอ่ยต่อ “ศิษย์พี่บอกว่านางมองเห็นท่านพ่อกลับมาถึงเรือนไผ่ตอนฟ้าจวนสว่าง เดินลากเท้าแลคล้ายเหนื่อยล้าถึงขีดสุดก็ไม่ปาน กลับเข้าห้องหัวถึงหมอนก็หลับ นางยังห้ามไม่ให้ข้ามารบกวนท่าน”
เป็นไปได้อย่างไร!
อูติ้งเซินอย่างไรก็ค้นหาความทรงจำที่เกี่ยวข้องไม่เจอแม้แต่ครึ่งเดียว
เขาจำได้เพียงตนเองเข้าไปสำรวจสำนักชิงเยี่ยนกลางดึก ทว่าจดจำไม่ได้เลยว่าตนเองหวนกลับมายังเรือนไผ่ตั้งแต่เมื่อใด
หรือว่าข้าถูกลอบเล่นงาน!
แต่…เขาแค่หลับไปอย่างยาวนานครั้งหนึ่ง บนร่างไม่เห็นบาดแผลสักนิด นอนตื่นขึ้นมานอกจากจดจำเรื่องช่วงเวลาหนึ่งไม่ได้ ทว่าทั้งตัวเรียกได้ว่าสดชื่นกระปรี้กระเปร่า นี่นับว่าไปถูกวิชาอะไรเข้าหรือไม่
“ท่านพ่อไม่ต้องนอนแล้ว ศิษย์พี่ก่อเตาดินเล็กๆ ขึ้นมาอบไก่ทั้งตัวด้วย ในท้องไก่ตัวนั้นยังยัดสมุนไพรเครื่องเทศเข้าไปมากนัก ท่านรีบตื่นนอนล้างหน้าบ้วนปาก อีกประเดี๋ยวก็จะมีของอร่อยกินแล้ว” อูเฉี่ยวเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อของอูติ้งเซิน ฉับพลันนั้นก็คล้ายฉุกคิดอะไรได้ ใบหน้าอมโรคผุดแววแดงเรื่อสองวงอย่างหาได้ยาก…
“ท่านพ่อ เฉี่ยวเอ๋อร์จะเล่าให้ฟัง ศิษย์พี่ไม่เพียงอบไก่ตัวเดียว นางเตรียมอบตั้งสองตัวแน่ะ ข้าก็เลยถามนางว่าอบไก่ทีเดียวสองตัวจะกินหมดหรือ ปรากฏว่าศิษย์พี่กลับหน้าแดง แดงอย่างเห็นได้ชัดยิ่ง สุดท้ายข้าซักไซ้ไล่เลียง รบเร้าจนศิษย์พี่รับมือไม่ได้ นางถึงตอบอ้ำๆ อึ้งๆ ว่าไก่อีกตัวจะนำไปมอบให้สหายรู้ใจในเมือง อืม…ท่านพ่อ สหายรู้ใจของศิษย์พี่ผู้นั้นแท้จริงเป็นคนที่นางต้องใจใช่หรือไม่ ศิษย์พี่มีคนที่ชอบแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
อูติ้งเซินข่มใจให้สงบอย่างไม่แสดงท่าที ลูบกระหม่อมของบุตรสาวอีกครั้ง
“ศิษย์พี่เจ้ามีคนที่ชอบแล้ว เฉี่ยวเอ๋อร์ดีใจหรือไม่”
อูเฉี่ยวเอ๋อร์ผงกศีรษะ ฉีกริมฝีปากยิ้มตอบ “อื้อ มีคนที่ชอบนั่นเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก เฉี่ยวเอ๋อร์ดีใจแทนศิษย์พี่จริงๆ เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นถ้าเกิด พ่อหมายความว่าถ้าเกิด ถ้าเกิดศิษย์พี่เจ้าเนื่องเพราะชมชอบอีกฝ่ายมากเกินไป สุดท้ายติดตามคนผู้นั้นจากไปโดยไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับ เจ้ายังจะรู้สึกดีอกดีใจแทนศิษย์พี่หรือไม่”
“ศิษย์พี่นาง…นางจะไปจากพวกเราหรือ” ส่วนลึกของนัยน์ตาใสกระจ่างทอประกายวูบ ความตกใจระคนสงสัยพลันบังเกิด
“เฉี่ยวเอ๋อร์ไม่อยากให้ศิษย์พี่จากไป อยากให้นางอยู่เป็นเพื่อนเจ้าตลอดชีวิตหรือไม่”
เงียบงัน…
เงียบยิ่ง เงียบอย่างยิ่ง
จากนั้นอูเฉี่ยวเอ๋อร์กัดริมฝีปากโดยแรงราวกับคิดตกและเอ่ยขึ้น “…เจ้าค่ะ”
ก่อนจะยิ่งผงกศีรษะแรงๆ อีกพร้อมกล่าวต่อว่า “ศิษย์พี่…ศิษย์พี่จะจากไปไม่ได้ พวกเราต้องอยู่ด้วยกันไปตลอด ท่านพ่อ ศิษย์พี่แล้วก็เฉี่ยวเอ๋อร์ เดิมเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกันเสมอมา นางจะไปไม่ได้”
ชั่วขณะนี้เอง นางตระหนักได้โดยพลัน คนที่ศิษย์พี่ต้องใจผู้นั้นเป็นการดำรงอยู่ที่น่าเคียดแค้นและแสนจะชั่วร้ายเพียงไร!
อูติ้งเซินคลี่ยิ้มจางๆ ให้บุตรสาวพลางปลอบโยนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น…
“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อเฉี่ยวเอ๋อร์อยากอยู่ร่วมกับศิษย์พี่ชั่วชีวิต ต้องการให้นางไม่ลาจากไม่ทอดทิ้ง เช่นนั้นพ่อย่อมทำให้เจ้าสมปรารถนาอย่างแน่นอน พวกเราไม่มีทางยอมให้นางจากไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อูเฉี่ยวเอ๋อร์เผยรอยยิ้มหวานล้ำ โผเข้าหาอ้อมกอดบิดาบังเกิดเกล้าพลางออดอ้อน
อูติ้งเซินลูบแผ่นหลังผ่ายผอมอ่อนแอของบุตรสาวอย่างแผ่วเบาครั้งแล้วครั้งเล่า แรงนั้นทั้งอ่อนโยนทั้งเบาหวิว ทว่าก้นบึ้งนัยน์ตากลับเอ่อล้นด้วยประกายเฉียบคม
ในเมื่อต้องการรั้งตัวคนที่ใช้งานได้เอาไว้ เช่นนั้นคุณชายฉินชิวนั่นก็ต้องตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น!
เขารอได้ ข่มใจอดทนค่อยเป็นค่อยไป ครั้นเมื่อทุกอย่างประหนึ่งน้ำบ่ามาก็เกิดคลอง ต้องการปลิดชีพของคนสกปรกนั่น ย่อมไม่ต้องสิ้นเปลืองแม้แต่แรงเป่าฝุ่นผงเลยสักนิด
ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา