บทที่แปด มักให้คำมั่นโดยง่าย
จังหวะก้าวของฤดูใบไม้ร่วงปีนี้แลคล้ายรวดเร็วกว่าที่ผ่านมาเล็กน้อย
ราวกับเพิ่งรู้สึกว่าลมอบอ้าวของฤดูร้อนเพิ่งจะโชยพัดจนชวนให้คนง่วงเหงาหาวนอนไปไม่นาน พริบตาเดียวใบไม้ทั่วทั้งป่าเขาทุ่งร้างก็เปลี่ยนโฉมหมดสิ้น ใบอิ๋นซิ่ง* เหลืองอร่าม ใบเฟิงแดงฉาน เหลือเพียงต้นหลิวที่ห้อยระริมทะเลสาบเท่านั้นที่ยังเขียวขจีลู่ลม
บางครั้งอูลั่วซิงก็คิดว่าอาจเพราะการใช้ชีวิตมีความงดงามหวานล้ำเพิ่มขึ้นมา มีรสชาติที่แต่ก่อนไม่เคยรับรู้เสริมเติมขึ้นอีกมากมาย ในดวงใจนางมีคนผู้หนึ่ง เมื่อคิดถึงเขาก็จะรู้สึกเบิกบาน มองเห็นเขาก็จะสุขใจหาใดเปรียบ ทั้งยังรู้สึกอยู่เสมอว่าช่วงเวลาแสนสุขผ่านไปรวดเร็ว ยิ่งต้องใส่ใจทะนุถนอมเป็นพิเศษ
วันนี้อูลั่วซิงแม่นางนักฆ่าผู้นี้แม้ไม่มีภารกิจคั่งค้าง ทว่าก็ยังออกมาทำตัวเกกมะเหรกเกเร ดอดเข้าไปในสำนักชิงเยี่ยน ‘ลักพาตัว’ คุณชายอันดับหนึ่งของที่นั่นออกมาอย่างเงียบเชียบ
คุณชายยินยอมพร้อมใจถูก ‘ลักพาตัว’ เป็นอย่างมาก ขัดขืนสักนิดก็ไม่มี เขาอุ้มพิณเจ็ดสาย ปล่อยให้แม่นางนักฆ่ารวบตัวอุ้มขึ้นตามใจชอบอย่างว่าง่าย หลังจากพลิกข้ามกำแพงสูงของเรือนหลังเขาก็ถูกโยนใส่รถม้าที่จอดอยู่ตรงนั้นทันที
เมื่อสำเร็จโดยราบรื่น อูลั่วซิงก็ทำหน้าที่คนขับรถม้า ตามด้วยขับรถม้าออกจากเมือง
คุณชายรูปงามผู้ ‘ประสบเคราะห์’ นั่งอยู่ในห้องโดยสารเรียบง่ายไม่หรูหรา มองเห็นของว่างกับขนมแกล้มชารูปแบบต่างๆ เต็มตะกร้า ในหีบเล็กด้านข้างยังมีน้ำชากับถ้วยชาเตรียมไว้ โดยพื้นฐานคือกลัวเขาท้องหิว อยากอาหารหรือรู้สึกเบื่อระหว่างทาง ต้องการให้เขาเอาไว้กินเล่น
แม้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพลุ นางก็จะจากไปโดยไม่ไว้ไมตรีเลยสักนิด ทำให้เขาอึดอัดยิ่งในใจจริงๆ แต่ตราบใดที่นางกลับมายอมศิโรราบ ประจบเอาใจเขา เขาก็ทำอะไรนางไม่ได้ หักใจชักสีหน้าใส่นางไม่ลง
รถม้าแล่นออกจากเมืองไปยังทะเลสาบหลิ่วหูที่ชานเมือง ฝีมือบังคับม้าของอูลั่วซิงยอดเยี่ยมอย่างมาก รถม้าแล่นทั้งมั่นคงและรวดเร็ว ไม่ทันไรก็ถึงเป้าหมายอย่างสงบราบรื่น
“ถึงแล้ว” นางกระโดดลงจากที่นั่งด้านหน้า อ้อมมายังด้านหลังของรถม้า เลิกม่านสีเทาขึ้นยื่นมือให้คนด้านใน สีหน้าเรียบสงบติดจะทึ่มทื่อเล็กน้อยอย่างที่แล้วมา ทว่าใบหน้ากลับแดงก่ำอยู่ตลอด
ฉินชิวพลันกุมมือนาง ใช้มืออีกข้างกอดพิณไว้ในอ้อมแขน ปล่อยนางจับจูงกระโดดลงจากรถม้า
อูลั่วซิงนำตะกร้าของว่างกับขนมแกล้มชาที่เตรียมไว้ในรถหิ้วไปพร้อมกันด้วย นางจับจูงบุรุษเดินไปยังริมทะเลสาบที่ห้อมล้อมด้วยทิวต้นหลิวเขียวขจี
ริมทะเลสาบมีแท่นเรียบสร้างขึ้นจากแท่งไม้อันเล็ก แท่นเรียบนั้นสูงขึ้นจากผิวทะเลสาบราวครึ่งแขนเท่านั้น ด้านล่างมีเรือประทุนดำขนาดกลางลำหนึ่งจอดเทียบอยู่ ประทุนสีดำจัดตั้งได้อย่างแข็งแรง นอกจากเปิดโล่งด้านหัวและท้ายเรือ และใช้ม่านห้อยปิดบังเอาไว้ ด้านในประทุนยังมีหน้าต่างกระทุ้งบานเล็ก ยอดประทุนแลดูสูงยิ่ง คาดว่าสามารถรองรับให้คนด้านในค้อมกายเล็กน้อยเคลื่อนไหวได้ จะนั่งจะนอนยิ่งไม่เป็นปัญหา
อูลั่วซิงมองไปทางเรือประทุนดำพลางว่า “เรือลำนี้ข้ายืมมาจากท่านลุงผู้หนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าเคยช่วยเหลือธุระเล็กน้อยของเขา นับว่ามีไมตรีต่อกันอยู่บ้าง เดิมต้องการเช่าเรือของเขา ทว่าท่านลุงกลับไม่ยอมรับเงิน”
ฉินชิวเอ่ยราบเรียบ “ที่ลั่วซิงเรียกว่า ‘ธุระเล็กน้อย’ หมายถึงธุระประเภทเดียวกับที่คราวนั้นหนีเหยาและหนีเฮ่า พี่น้องสองคนนั้นขอร้องให้เจ้าช่วยกระมัง”
สมัครใจเสี่ยงอันตรายเทียมฟ้าช่วยคนชำระสะสางความแค้น สะเดาะเคราะห์ภัยกำจัดอธรรม แม้แต่เงินสักน้อยนิดก็ไม่รับ เพียงรับไข่ใบชาสองฟองเป็นค่าตอบแทน…
อูลั่วซิงร้องอื้อต่ำๆ คำหนึ่ง ดูคลุมเครือราวกับตอบให้เรื่องผ่านไป
นางไม่ปฏิเสธอย่างชัดเจน นั่นก็บ่งชี้ว่าเขาพูดถูก
เฮ้อ…เขาเข้าใจสตรีข้างตัวมากขึ้นทุกทีจริงๆ นางนั้นเนื้อแท้ไม่เหมาะกับการเป็นนักฆ่าเลยอย่างยิ่ง
แม้เขาจะทอดถอนใจในอก ทว่าคำพูดที่กล่าวออกจากปากกลับเจือแววเสียดสีและหยอกเย้า…
“นั่นคงเป็น ‘ธุระเล็กน้อย’ มากจริงๆ อย่าได้แปลกใจไปเลยว่าเหตุใดท่านลุงผู้นั้นให้ตายก็ไม่ยอมรับเงิน”