“ไม่ให้ดู!” ซูเพียนจื่อโกรธจัดจึงปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด
เจิ้งเฮ่าอี้เลิกคิ้ว เพียงยื่นมือก็ยึดจับข้อศอกขวาของอีกฝ่ายไว้ได้ จากนั้นเขาก็เลิกแขนเสื้อของสาวน้อยโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ทั้งที่ซูเพียนจื่อเห็นอยู่ว่าเดิมทีเขายืนห่างไปอย่างน้อยตั้งห้าหกเมตร นึกไม่ถึงเลยว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะรวดเร็วได้ถึงขั้นนี้ เธอยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกเขายึดจับไว้เสียแล้ว
“นี่เจ้าจะทำอะไร!” ซูเพียนจื่อร้องลั่นอย่างทั้งโมโหทั้งแตกตื่น พลางดิ้นรนหมายจะชักแขนของตนกลับมาให้ได้ แต่จนใจที่ทั้งตัวคล้ายถูกผู้อื่นใช้คาถาสะกดร่างไว้ จึงไม่อาจขยับเขยื้อนได้สักนิด
เนื้อตัวที่แข็งทื่อทำให้ซูเพียนจื่อไม่อาจเบือนหน้าไปมอง เธอจึงไม่เห็นว่าที่แท้แล้วบนแขนขวาของตนมีอะไรกันแน่ เพียงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านิ้วมือทั้งห้าของเจิ้งเฮ่าอี้ที่กุมข้อศอกของเธออยู่พลันรวบกระชับ ราวกับเขาได้เห็นบางสิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจ
อากาศรอบตัวคล้ายพลันหยุดไหลเวียน ภาพที่เห็นในระยะสายตาของซูเพียนจื่อคือเจิ้งเฮ่าอี้ที่ขมวดหัวคิ้วแน่น อารมณ์ที่เผยออกมาอย่างเข้มข้นจากในดวงตาที่สุกสกาวและลุ่มลึกคู่นั้น…ก็คือความเยียบเย็น!
ดวงหน้าอันหล่อเหลาที่อยู่เบื้องหน้าสายตาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกจนน่าสะพรึง ประหนึ่งอสูรร้ายที่มาจากนรกภูมิ กระตุ้นให้เหงื่อกาฬหยดแล้วหยดเล่าของซูเพียนจื่อผุดซึมแล้วไหลร่วงมาตามจอนผม ชั่วขณะนี้เธอหวาดกลัวยิ่งนัก
กาลเวลาแปรเปลี่ยนเป็นแสนยาวนาน จนซูเพียนจื่อหวาดระแวงว่าพริบตาต่อไปหนุ่มน้อยชุดดำผู้นี้จะพลันลงมือปลิดชีวิตเธอ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดเจิ้งเฮ่าอี้จึงค่อยๆ คลายมือออก ซูเพียนจื่อก็รีบถอยปราดไปด้านหลังทันที ดุจกระต่ายน้อยที่ได้รับความตื่นตระหนก
“เจ้าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน หากวันหน้าให้ข้ารู้ว่าเจ้ากระทำผิดคิดชั่ว ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าอีก” เจิ้งเฮ่าอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเอ่ยปาก พอพูดจบเขาก็หมุนตัวจากไปโดยไม่รอให้ซูเพียนจื่อมีท่าทีตอบสนองใดๆ
เนิ่นนานให้หลังซูเพียนจื่อจึงค่อยได้สติจากความตื่นกลัว เพียงหวนนึกถึงถ้อยคำที่เจิ้งเฮ่าอี้พูดทิ้งท้าย สาวน้อยก็โมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
คนสารเลวนี่เป็นใครมาจากไหนกัน เหมือนแน่ใจเหลือเกินว่าวันหน้าเธอจะต้องทำเรื่องชั่วช้า ถือสิทธิ์อะไรมาตัดสินคนอื่น! จริงอยู่ที่เธอเป็นเด็กกำพร้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องเสียคนสักหน่อย เพราะอะไรใครๆ ถึงได้เอาแต่ตราหน้าว่าเธอจะต้องโตมาเป็นคนไม่ดีด้วยนะ
พอนึกถึงสายตาแปลกๆ ที่ตัวเองต้องแบกรับมาตลอดตั้งแต่เด็ก ซูเพียนจื่อก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เมื่อก่อนอยู่บนดาวโลกถูกใครต่อใครมองเหยียดยังไม่พอ ตอนนี้อุตส่าห์ข้ามมิติมาต่างดาวแล้วก็ยังถูกใครต่อใครดูถูกอีก นี่มันอะไรกัน!
“ดวงของเจ้าไม่เลวทีเดียวนะ!”
จู่ๆ ก็มีเสียงบุรุษพูดขึ้นที่ด้านหลังของเธอ นั่นคือโทนเสียงระดับกลางที่มีเสน่ห์ทัดเทียมกับผู้ประกาศข่าวชั้นเยี่ยมระดับเหรียญทอง
เฮอะ ยังอุตส่าห์มีพวกไร้ศีลธรรมโผล่มาพูดประชดกันอีก?!