โจวซิงวั่งคลานเข่าขึ้นหน้ามาสองสามก้าวโดยพลัน ก่อนจะตอบอย่างนอบน้อม “ขอรับ ไม่ทราบว่าองค์ท่านมีสิ่งใดจะบัญชา”
“เจ้าจงไปตระเตรียมสุราอาหารและที่พักให้เรียบร้อย ยามนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว นายข้าจะค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน วันพรุ่งพวกเราจะออกตรวจดูละแวกนี้เพื่อเสาะหาต้นตอของปราณวิเศษ” น้ำเสียงของฝูอวิ๋นเย่อหยิ่งราวกับกำลังใช้สอยบ่าวไพร่ในเรือนของตน
น่าแปลกที่คนเหล่านี้ดูจะแพ้ทางไม้นี้กันหมด โจวซิงวั่งผู้นั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกบ่าวรับใช้สองคนให้รุดไปจัดเตรียมงานเลี้ยงที่หอสุราที่ดีที่สุดของอำเภอทันที ขณะเดียวกันบุรุษสวมชุดผ้าต่วนท่าทางคล้ายคหบดีหลายคนก็กรูเข้าไปรุมล้อมโจวซิงวั่ง พยายามร้องขอให้ส่งองค์ท่านไปพำนักที่เรือนของพวกตน ส่วนชาวบ้านที่เหลือล้วนไม่กล้าบุ่มบ่ามเดินขึ้นหน้ามา ทั้งหมดเพียงยืนอยู่ไกลๆ พลางมองพิจารณาซูเพียนจื่อกับฝูอวิ๋นด้วยสีหน้าท่าทางที่เทิดทูนยำเกรงอย่างมาก
ฝูอวิ๋นเยือกเย็นยิ่งนัก มันเชิดหน้ายืดอก วางท่าทางที่มันคิดว่าจะดูสง่าน่าเกรงขามได้มากที่สุด ผิดกับซูเพียนจื่อที่นั่งอยู่บนหลังของมันโดยรู้สึกอยู่เพียงอย่างเดียวก็คือ ‘ร้อนตัว’
ที่แท้คนเป็นสิบแปดมงกุฎจะต้องมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็งอย่างยิ่ง ตอนนี้ซูเพียนจื่อรู้สึกกดดันเหลือเกิน!
เสียงถกความเห็นกันเบาๆ ของเหล่าชาวบ้านแว่วมาแต่ไกล…
“โอ้โห! เส้นผมขององค์ท่านยาวยิ่งนัก ดูแล้วอย่างมากองค์ท่านก็น่าจะอายุแค่สิบสี่สิบห้าปีได้กระมัง เส้นผมยาวถึงเพียงนี้ พลังวัตรจะต้องสูงส่งมากๆ แน่นอน!”
“ข้าเพิ่งจะเคยเห็นม้าบินครั้งแรกเลยนะนี่! ใครๆ ก็ว่ากันว่ามีแต่องค์ท่านผู้มีพลังวัตรสูงส่งเท่านั้นถึงจะได้นั่งบนม้าบิน ถ้าข้ามีโอกาสได้ขี่ม้าบินเหาะขึ้นฟ้าไปบ้างก็ดีน่ะสิ ต้องน่าเกรงขามมากแน่ๆ”
“เสื้อผ้าบนร่างขององค์ท่านดูแปลกตาจริงเชียว ไม่เหมือนกับพวกเราคนธรรมดาเลย! เพียงแต่…เหตุใดจึงดูสกปรกอยู่บ้าง…”
ซูเพียนจื่อรับฟังความเห็นเหล่านี้ไปพลาง ลอบสังเกตชาวบ้านที่อยู่โดยรอบไปพลาง จริงเสียด้วย…คนที่อายุน้อยล้วนแต่ผมสั้นมากๆ ไม่ว่าชายหรือหญิงที่อายุต่ำกว่ายี่สิบล้วนมีความยาวของเส้นผมอย่างมากแค่เพียงหนึ่งชุ่น
ซูเพียนจื่อพยายามไม่ไปใส่ใจเสื้อกับกางเกงสกปรกที่อยู่บนร่างของตน ในใจก็ก่นด่าบรรดาม้าบินที่โบกฝุ่นมาอย่างไม่สนใจสุขอนามัยจนทำให้ผู้อื่นมอมแมมไปทั้งตัว ขอสาปแช่งให้พวกมันขนร่วงโกร๋น แต่ละตัวเปลี่ยนเป็นขี้เหร่ยิ่งกว่าฝูอวิ๋น!
ไม่ช้างานเลี้ยงกับที่พักก็จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อย จากนั้นฝูอวิ๋นประกาศอย่างไม่เกรงอกเกรงใจว่ามนุษย์สามัญไม่มีคุณสมบัติร่วมโต๊ะกับเจ้านายของมัน เพียงเท่านี้ก็ขับไล่คนทั้งหมดไปได้ไกลลิบแล้ว ภายในโถงใหญ่อันโอ่อ่าจึงเหลือแต่ซูเพียนจื่อกับฝูอวิ๋น แล้วก็สุราอาหารที่อุดมสมบูรณ์อีกหนึ่งโต๊ะใหญ่
ซูเพียนจื่อไม่ได้กินอะไรมาครึ่งค่อนวันแล้ว ซ้ำร้ายก่อนหน้านี้ยังไปดื่ม ‘น้ำสกปรก’ เข้า จึงอาเจียนเอาทุกสิ่งที่สามารถอาเจียนได้ออกไปจากท้องจนหมดเกลี้ยง สาวน้อยหิวจนหน้าอกยุบติดกับแผ่นหลังตั้งนานแล้ว พอเห็นว่าซ้ายขวาปลอดคน ไม่ต้องพะวงเรื่องกิริยาท่าทางอีกจึงยกตะเกียบสวาปามโดยไม่รอช้า
ฝูอวิ๋นไม่ได้ให้ความสนใจกับอาหารมากมายที่อยู่บนโต๊ะ พอเดินไปถึงหน้าโถง มันก็งับหมับไปที่ดอกโบตั๋นขนาดใหญ่เท่าชามน้ำแกงดอกหนึ่งซึ่งเจ้าของปลูกไว้อย่างเอาใจใส่ จากนั้นก็กลืนเอื๊อกลงไปในคำเดียว ฝูอวิ๋นยังไม่จุใจจึงกวาดล้างดอกไม้สดที่เหลืออยู่ไปหนึ่งยก แล้วค่อยเดินทอดน่องกลับมาที่ข้างกายผู้เป็นนายอย่างพึงพอใจ