ผู้อาวุโสใหญ่หานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรก “เจ้าหนูนี่มาเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่สามตระกูลใหญ่ฝ่ายธรรมะจะจับมือกันได้เหนียวแน่นหรือไม่”
ผู้อาวุโสสี่หลี่คลี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย “เมื่อหลายเดือนก่อนจู่ๆ เจ้าหนูนี่ก็ปฏิเสธการเกี่ยวดองกับยอดหญิงของสกุลอวิ๋น ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลอวิ๋นกับสกุลเจิ้งจึงตึงเครียดยิ่ง ฝ่ายสกุลอวิ๋นทางนั้นไม่อาจบากหน้ามารบเร้า ส่วนฝ่ายสกุลเจิ้งทางนี้ก็แสร้งทำมึนงงแล้วกล้อมแกล้มจบปัญหา ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้แล้วสองสกุลยังจับมือกันได้อย่างไร้รอยร้าวน่ะสิแปลก”
“กระทั่งยอดหญิงของตระกูลเทวโอสถก็ยังไม่เอา เจ้าหนูนี่ดวงตาอยู่สูงจนถึงดวงจันทร์หรือไร” คราวนี้แม้แต่ผู้อาวุโสรองซูก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสสี่หลี่เล่าข่าวซุบซิบด้วยอาการยินดีกับเรื่องร้ายของผู้อื่น “ได้ยินว่าเจ้าหนูนี่ฉวยจังหวะที่งานมงคลยังไม่ได้กำหนดแน่ชัดในขั้นสุดท้าย วิ่งโร่ไปปฏิเสธการแต่งงานถึงสกุลอวิ๋นเองโดยพลการ ตอนที่ตาเฒ่าสกุลเจิ้งนั่นได้ข่าว ต่อให้อยากจะยับยั้งก็ไม่ทันกาลแล้ว มิหนำซ้ำเจ้าหนูนี่ยังเป็นทั้งผู้ถือครอง ‘มงกุฎเที่ยงธรรม’ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลนักปกครองสกุลเจิ้ง และเป็นทั้งตัวเลือกอันดับหนึ่งของว่าที่ประมุขคนต่อไป ดังนั้นตาเฒ่าสกุลเจิ้งจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามใช้พลังสะกดทางสายโลหิตไปจัดการเขา ตอนนี้สองสกุลเปลือกนอกปรองดองแต่ในใจร้าวฉาน ว่ากันว่าศิษย์รุ่นหนุ่มสาวพอเจอกันที่ข้างนอก แค่พูดจาไม่เข้าหูก็ลงไม้ลงมือกันออกบ่อยไป”
คู่ปรับเก่ากำลังตีกันเอง นี่คือหัวข้อสนทนาที่ชวนให้จิตใจฮึกเหิมเป็นที่สุด
ตระกูลเทวโอสถสกุลอวิ๋นเป็นตระกูลฝ่ายธรรมะที่เพิ่งจะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงร้อยกว่าปีมานี้ แม้ว่าตระกูลโบราณต่างๆ บนดินแดนพันเมฆาล้วนเป็นผู้สืบเชื้อสายจากเซียนบรรพกาล ทว่าเมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป บางตระกูลก็เริ่มเสื่อมถอยลงด้วยสาเหตุต่างๆ ในขณะที่ก็มีบางตระกูลยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยโชควาสนาบางประการ
ปัจจุบันผู้ครองอันดับหนึ่งของสามตระกูลใหญ่ฝ่ายธรรมะก็ยังเป็นตระกูลนักปกครองสกุลเจิ้งเจ้าเก่า ส่วนอีกสองตระกูลที่เหลือคือตระกูลเทวโอสถสกุลอวิ๋น กับตระกูลขุนพลสวรรค์สกุลทัง
เซียนบรรพชนที่ตระกูลขุนพลสวรรค์สกุลทังให้การเคารพบูชาก็คือ ‘เซียนไร้ไพรี’ ผู้มีสมญานามว่า ‘เทพเจ้าแห่งการทหาร’ ในยุคบรรพกาลเซียนไร้ไพรียังไม่นับเป็นเซียนแถวหน้า ส่วน ‘เซียนโอสถ’ บรรพชนที่ตระกูลเทวโอสถสกุลอวิ๋นให้การเคารพบูชานั้นยิ่งเป็นเพียงหนึ่งในบริวารมือดีของ ‘เซียนแพทย์’ จึงกล้อมแกล้มเลื่อนชั้นเป็นเซียนได้ หากเอ่ยถึงลำดับฝีมือในทำเนียบร้อยเซียน เซียนโอสถก็จัดอยู่ในระดับกลางล่างเท่านั้น
เพียงแต่ร้อยปีมานี้ประมุขสามรุ่นของสกุลอวิ๋นปกครองตระกูลได้ถูกทาง ประกอบกับมีศิษย์มากความสามารถออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ดังนั้นสกุลอวิ๋นจึงแทรกตัวขึ้นมาเป็นสามตระกูลใหญ่ฝ่ายธรรมะได้อย่างมีหน้ามีตา
ส่วนยอดหญิงสกุลอวิ๋นที่ถูกปฏิเสธการแต่งงานผู้นั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา นางมีนามว่าอวิ๋นชิงอิ่ง ไม่ต่างจากเจิ้งเฮ่าอี้ พลังวัตรของนางเลื่อนสู่ขั้นชำระไขกระดูกด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปี นอกจากได้รับการยอมรับจาก ‘ศิลาร้อยสมุนไพร’ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลแล้ว นางยังเป็นยอดฝีมือที่ลือนามในหมู่ผู้ฝึกวิชารุ่นหนุ่มสาวด้วย
ว่ากันว่าเดิมทีตระกูลขุนพลสวรรค์สกุลทังก็มีประสงค์จะเกี่ยวดองกับสกุลอวิ๋น ทว่าอวิ๋นชิงอิ่งมีใจเอนเอียงไปทางเจิ้งเฮ่าอี้มากกว่า ดังนั้นงานมงคลจึงไม่เกิดขึ้น ภายนอกเล่าลือกันว่าทังเซิ่งหยางทายาทตระกูลขุนพลสวรรค์ถึงขั้นวิ่งโร่ไปท้าประลองกับเจิ้งเฮ่าอี้ด้วยสาเหตุนี้ เพียงแต่ผลออกมาเป็นเช่นไรนั้นสุดที่จะรู้ได้