ทว่าดูจากที่ตระกูลขุนพลสวรรค์นิ่งเงียบมาตลอดนับแต่จบเรื่อง ทังเซิ่งหยางคงเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียทีในกำมือของเจิ้งเฮ่าอี้เป็นแน่
จากที่ซูถิงหยวนฟังศิษย์น้องทั้งห้าผลัดกันแลกเปลี่ยนความเห็นต่อแนวโน้มสถานการณ์ รวมถึงข่าวสารของตระกูลต่างๆ ที่ได้รับจากการออกไปข้างนอกมาคราวนี้ ดูเหมือนแน่ชัดแล้วว่าวิกฤตที่จะเกิดกับสกุลซูนั้นเป็นเรื่องใด ทว่าในใจเขากลับยังคงรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่นั่นเอง ราวกับมีภัยแฝงที่ยังไม่ล่วงรู้และน่ากลัวยิ่งกว่านี้เตรียมจะปะทุขึ้นในช่วงเวลาที่คาดคิดไม่ถึง
ก่อนหน้านี้เขาได้เห็นอนาคตของสกุลซูผ่านทางคันฉ่องมายาจันทร์ม่วง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสุดยอดของวิเศษประจำตระกูล โดยภาพที่ได้เห็นนั้นครึ่งหนึ่งคือภูเขาซากศพกับทะเลโลหิต ทว่าอีกครึ่งหนึ่งถูกบดบังอยู่ท่ามกลางหมอกทึบชั้นแล้วชั้นเล่า เขาพยายามจะมองดูให้มากกว่านี้ แต่ก็ถูกอานุภาพของคันฉ่องสะท้อนกลับมาเล่นงานเข้า อายุขัยของเขาซึ่งเดิมทีก็เหลือน้อยอยู่แล้วจึงแทบจะสูญเสียไปจนหมด ซ้ำน่าเสียดายข้อมูลที่ได้เพิ่มมาก็ยังคงน้อยแสนน้อย
“ไม่ว่าสกุลอื่นจะเป็นเช่นไร ความสามารถของพวกเราเองต้องกล้าแข็งขึ้น รวมทั้งมีผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมกว่าอีกฝ่าย สกุลซูจึงจะมีอนาคตได้ พวกเราไม่อาจฝากความหวังไว้ที่การบ่อนทำลายกันเองภายในตระกูลฝ่ายธรรมะ” ซูถิงหยวนยกมือยุติการถกความเห็นเป็นพัลวันของศิษย์น้องทั้งห้า
“ศิษย์ที่โดดเด่นในตระกูลของพวกเราก็มีอยู่ไม่น้อยนี่ขอรับ ไม่ใช่ยังมีพวกโจวโม่ ซูป๋ออวิ๋น ซูจาง แล้วก็เทียนหวาอยู่หรอกหรือ” เสียงของผู้อาวุโสสี่หลี่แผ่วปลายลงเรื่อยๆ กระทั่งตัวเขาเองเมื่อพูดไปถึงตอนท้ายก็ยังรู้สึกกระดากปากอยู่บ้าง
ศิษย์โดดเด่นของสกุลซูที่เขาหยิบยกขึ้นมาหลายคนนี้ อย่าว่าแต่ยังห่างชั้นกับเจิ้งเฮ่าอี้อัจฉริยะตระกูลนักปกครองผู้นั้นอยู่ลิบลับ กระทั่งยอดหญิงตระกูลเทวโอสถสกุลอวิ๋นก็ยังเหนือกว่าพวกเขาไม่ใช่แค่เล็กๆ น้อยๆ
ผู้อาวุโสรองซูกระแอมแห้งๆ สองทีก่อนกล่าว “พูดถึงเทียนหวา…หากวันพรุ่งนี้ยายหนูคนนั้นออกมาจากป่าร้อยสัตว์ได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นพวกเราก็จะมีอัจฉริยะที่ทัดเทียมกับเจ้าหนูสกุลเจิ้งนั่นได้ครึ่งคนแล้ว”
ผู้อาวุโสสามโจวเอ่ยอย่างแปลกใจ “ยายหนูคนใดกัน ป่าร้อยสัตว์…วันนี้นางเข้าร่วมการสอบสนามสุดท้ายของศิษย์ระดับต้นอย่างนั้นหรือ แล้วเหตุใดจึงพูดว่าครึ่งคนเล่า”
ผู้อาวุโสสี่หลี่กับผู้อาวุโสห้าเฉินต่างก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจเช่นกัน “หรือว่าช่วงที่พวกเราไม่อยู่นี้มีต้นกล้าที่ดีเยี่ยมเพิ่มมาในหมู่ศิษย์ระดับต้น? แต่ว่าศิษย์ระดับต้นอย่างนาง…กว่าจะใช้การได้ยังต้องรออีกนานสักแค่ไหน”
ผู้อาวุโสใหญ่หานสบตากับผู้อาวุโสรองซู ก่อนจะเอ่ยปากเล่าผลงานอันยิ่งใหญ่ของซูเพียนจื่อในช่วงครึ่งปีกว่ามานี้ ตลอดจนสภาพร่างกายซึ่งมีข้อจำกัดพิเศษของนาง
ผู้อาวุโสสามโจวฟังที่ผู้อาวุโสใหญ่หานชี้แจงจนจบก็ส่ายหน้ากล่าวขึ้น “บนดินแดนพันเมฆายังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าผู้ที่ไร้พรสวรรค์เชิงยุทธ์จะสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อะไรได้”
ในใจของผู้อาวุโสอีกสองคนที่เหลือก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ทุกคนจึงไม่มีความสนใจที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
ซูถิงหยวนเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ก่อนจะพลันเอ่ยปาก “มีการตัดสินใจอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าต้องขอความเห็นชอบจากพวกเจ้า”
สำหรับเรื่องส่วนใหญ่แล้วประมุขสกุลซูล้วนมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ แต่หากจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากผู้อาวุโสทั้งห้า นั่นก็แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎตระกูลอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสทั้งห้าได้ยินเช่นนั้นจึงมีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที