ในใจนางคล้ายมีเบาะแสบางอย่างวาบผ่าน ทว่านางไม่อาจยึดกุมมันเอาไว้ได้ทัน
ผู้ที่เฝ้าคุมอยู่หน้าประตูคลังสมบัติคือผู้อาวุโสสี่หลี่ เขามองซูป๋ออวิ๋นอย่างแปลกใจอยู่บ้าง ด้วยไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึง ‘ยอมตกต่ำ’ วิ่งมาร่วมกลุ่มสุดท้ายนี่เสียได้ อีกฝ่ายไม่กลัวว่าของดีจะถูกผู้อื่นเลือกหมดไปก่อนหรือไร
“อีกเดี๋ยวศิษย์ทั้งหลายจงมาแจ้งนามแล้วรับป้ายหมายเลขเข้าสู่คลังสมบัติ พวกเจ้ามีเวลาเลือกของวิเศษเพียงครึ่งชั่วยาม และสามารถหยิบของวิเศษจากไปได้แค่ชิ้นเดียว หาไม่จะกระตุ้นให้อาคมกักกันของคลังสมบัติทำงาน ต่อให้เป็นข้าผู้อาวุโสก็ไม่อาจช่วยชีวิตของพวกเจ้าได้ ฉะนั้นจงอย่าได้คิดพึ่งโชคดวงเป็นอันขาด เมื่อถึงเวลาแล้วจะต้องออกมาทันที ห้ามรั้งอยู่ต่อ เข้าใจแล้วหรือไม่” ผู้อาวุโสสี่หลี่กล่าวทวนคำเตือนเดิมที่ใช้กับกลุ่มอื่นๆ ซ้ำอีกครั้ง
วาจาเหล่านี้เขาพูดย้ำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว อันที่จริงเหล่าศิษย์ต่างก็รู้แก่ใจดี ต่อให้เป็นประมุขซูถิงหยวนก็ยังหยิบฉวยของวิเศษจากคลังสมบัติบนยอดเขาได้เพียงครั้งละหนึ่งชิ้นเท่านั้น หาไม่จะถูกอาคมกักกันของคลังสมบัติทำร้าย ผู้มีพลังวัตรอ่อนด้อยหน่อยหากตายคาที่อยู่ด้านในก็ไม่แปลกเลยสักนิด
ศิษย์เก้าคนรวมทั้งซูเพียนจื่อล้วนขานรับอย่างจริงจัง
ผู้อาวุโสสี่หลี่พึงพอใจในท่าทีของพวกเขาแล้ว “เอาล่ะมารับป้ายหมายเลขได้”
ซูป๋ออวิ๋นผงกศีรษะให้ซูเพียนจื่อ เป็นความหมายว่าจะไปรับป้ายหมายเลขจากผู้อาวุโสสี่หลี่พร้อมกับนางเป็นสองคนแรก
ความสามารถในการต่อสู้ของซูเพียนจื่ออ่อนด้อยนั้นเป็นเรื่องจริง ทว่าผลคะแนนเต็มในการสอบย่อยของศิษย์ระดับต้นทั้งยี่สิบสนามก็เป็นที่ประจักษ์ของทุกคน อีกทั้งซูป๋ออวิ๋นก็แสดงชัดว่าให้การดูแลนางอย่างมาก ศิษย์ที่เหลือจึงไม่กล้ามาแย่งลำดับกับนาง
“เจ้าก็คือซูเพียนจื่อหรือ” ผู้อาวุโสสี่หลี่มองนางซ้ำสองหน เขานึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวที่ไร้พรสวรรค์เชิงยุทธ์โดยสิ้นเชิงผู้นี้จะกลายเป็นศิษย์ระดับกลางได้จริงๆ ทั้งคว้าคะแนนเต็มรวดเดียวยี่สิบสนามอีกด้วย บิดาอัจฉริยะของนางก็ยังไม่มีฝีมือถึงเพียงนี้เลย
“ใช่เจ้าค่ะ” ซูเพียนจื่อขานตอบ
“อืม” ผู้อาวุโสสี่หลี่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เป็นความหมายให้นางไปได้ เด็กสาวที่ไร้พรสวรรค์เชิงยุทธ์คนหนึ่งไม่คู่ควรที่เขาจะให้ความสนใจมากไปกว่านี้
ซูเพียนจื่อเดินตามซูป๋ออวิ๋นไปไม่กี่ก้าวก็อดถามเสียงเบาไม่ได้ “ประตูใหญ่ของคลังสมบัติอยู่ตรงไหนหรือ” แถวนี้ก็มีแต่ศาลารับลมขนาดย่อมตั้งโดดเดี่ยวอยู่หลังเดียวเท่านั้น
“ก็คือด้านในของศาลารับลมนี่เอง เจ้าถือป้ายหมายเลขเดินเข้าไปในศาลาก็จะเข้าสู่คลังสมบัติได้แล้ว” ซูป๋ออวิ๋นชี้แจง
ซูเพียนจื่อพลันเข้าใจกระจ่าง หากนี่ไม่ใช่ ‘ข่ายอาคมส่งตัว’ ก็ต้องเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ทางเข้าสู่พื้นที่ลับ’ นางเคยแต่อ่านเจอจากในตำรา นี่จะเป็นครั้งแรกที่นางได้ประจักษ์กับของจริง
สาวน้อยกำป้ายหมายเลขไว้แน่นขณะเดินเข้าศาลารับลมไปด้วยอารมณ์ที่ทั้งฮึกเหิมทั้งเป็นกังวล