ดึกมากแล้ว ในหอนอกของวังตะวันออกยังคงมีแสงโคมสว่างไสว
บัณฑิตกองอาลักษณ์หลายคนและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของกรมพิธีการต่างกำลังยุ่งอยู่ที่หน้าโต๊ะยาว คัดแยกกระดาษข้อสอบในการสอบหน้าพระที่นั่งตามชื่อสกุล มีเจ้าหน้าที่อ่านบรรยายของกองอาลักษณ์สองมือประคองกระดาษข้อสอบมาเบื้องหน้าเขาเป็นชุดๆ และอ่านความเรียงในนั้นออกมาดังๆ
เขานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ ทางหนึ่งพลิกอ่านหนังสือกราบทูลที่สองสำนักหลักส่งมา ทางหนึ่งก็ฟังคนอ่านความเรียงเหล่านั้น เป็นนานจึงเก็บหนังสือราชการที่กระจัดกระจายเต็มโต๊ะ เงยหน้าขึ้นบอก “เอามา ข้าอ่านเอง”
มีคนยกกระดาษข้อสอบหนาๆ มาไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขาทันที
เขายื่นมือไปพลิกดู ก่อนเงยหน้าขึ้นถาม “ของคนสกุลเมิ่งอยู่ในนี้หรือไม่”
“องค์รัชทายาทโปรดรอสักครู่” คนผู้นั้นหมุนตัวกลับไปแล้วยกกระดาษข้อสอบมาอีกกองหนึ่ง วางลงอย่างนอบน้อม แล้วดึงชุดหนึ่งจากในนั้นมามอบให้เขา “นี่เป็นความเรียงของเมิ่งถิงฮุยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาชายตามองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง ขยับริมฝีปากเล็กน้อย กำลังคิดจะบอกว่าเขาไม่ใช่ต้องการของเมิ่งถิงฮุย ก็นึกขึ้นมาได้ว่าในการสอบหน้าพระที่นั่งครั้งนี้สกุลเมิ่งมีนางเพียงคนเดียว อดไม่ได้ที่จะปั้นหน้าแข็งกระด้าง หัวคิ้วเย็นชารับกระดาษข้อสอบที่คนผู้นั้นยื่นส่งมาปึกนั้นวางลงบนโต๊ะ กวาดสายตามองไป
‘เป็นกษัตริย์ยาก เป็นขุนนางยิ่งไม่ง่าย
หม่อมฉันเคยได้ยินคนบอก ‘ถ้าร่างกายของข้าสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ ข้าจะไม่เสียดายเลย’
ด้วยเหตุนี้ราชสำนักของเราจึงสามารถเปิดพรมแดนและเสพสุขจากใต้หล้า ทะเลทั้งสี่รวมเป็นหนึ่งเดียว…’
เขาไม่ได้อ่านต่อ สายตาหยุดอยู่ที่ประโยคนั้น และค่อยๆ ร้อนรุ่มใจขึ้นมา
…หม่อมฉันเคยได้ยินคนบอก ‘ถ้าร่างกายของข้าสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ ข้าจะไม่เสียดายเลย’
นางฟังใครกล่าวคำพูดประโยคนี้มาหรือ
เขาสงบจิตใจ แล้วจึงอ่านต่อไป
บนกระดาษข้อสอบขลิบทองแผ่นแล้วแผ่นเล่า ตัวอักษรเล็กบรรจงที่ทระนงองอาจเรียงตัวกันเป็นความเรียงที่ยิ่งใหญ่งดงาม ทำให้เขาอดที่จะแอบปรบมือทอดถอนใจไม่ได้
แต่ไรมาคนที่มีความรู้ความสามารถส่วนใหญ่มักโอหังตรงไปตรงมา เขาไม่เคยพบเจอสตรีที่เป็นเช่นนางมาก่อน
แล้วนึกไปถึงตอนอยู่ในตำหนักเป่าเหอ สายตาของนางที่เงยขึ้นมามองเขาตอนอยู่ในที่นั่ง กับภายหลังที่นางมองโต๊ะหนังสืออย่างจดจ่อ
สิ่งที่นางคิดอยู่ในใจที่แท้แล้วคือเรื่องอะไร
ที่แท้แล้วสิ่งที่นางมุ่งหวังคืออะไร
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพิ่งจะจับพู่กันจุ่มหมึกชาด ขีดเครื่องหมายที่มุมขวาบนของกระดาษข้อสอบของนาง จากนั้นก็หันไปเรียกคนมา เอ่ยว่า “บัณฑิตเอกชั้นหนึ่งสามคนกับบัณฑิตเอกชั้นรองเจ็ดคนอย่างช้าวันมะรืนต้องคัดเลือกออกมา จากนั้นใครจะเป็นจิ้นซื่อจี๋ตี้อันดับหนึ่งของบัณฑิตเอกชั้นหนึ่ง รอหลังจากอ่านราชโองการและจัดอันดับจิ้นซื่อแล้วข้าจะเป็นคนกำหนดเอง”
เจ้าหน้าที่กรมพิธีการได้ยินแล้วงุนงงประหลาดใจยิ่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างลังเล “อันดับหนึ่งของบัณฑิตเอกชั้นหนึ่ง ตอนอ่านราชโองการและจัดอันดับจิ้นซื่อ พระองค์จะทรงเรียกจิ้นซื่อทั้งสิบคนนี้เข้าพบตามลำดับอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเลิกคิ้ว “บัณฑิตเอกชั้นรองเจ็ดคนก็เรียงไปตามลำดับชื่อ ส่วนบัณฑิตเอกชั้นหนึ่งสามคน” เขาหยุดเล็กน้อย “พวกท่านจัดการได้เลย แต่จัดให้เมิ่งถิงฮุยเข้าพบหลังสุดก็แล้วกัน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 14 มี.ค. 67 เวลา 12.00 น.