นางแตกต่างจากเด็กน้อยในอารามผุพังผู้นั้นในตอนนั้นราวฟ้ากับดิน และท่าทางแตกต่างกันมากกับตอนที่เพิ่งเข้าราชสำนักใหม่ๆ เมื่อสองปีก่อน เขาเห็นนางค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป จากเด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวในราชสำนักเปลี่ยนมาเป็นขุนนางหญิงที่ขุนนางอาวุโสทั้งสองกลุ่มไม่อาจดูเบาได้ในปัจจุบัน ความยากลำบากความเจ็บปวดในระหว่างนั้นเขารู้อย่างชัดเจน ดีที่หัวใจดวงนี้ของนางตั้งแต่ต้นจนจบเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ แข็งแกร่งไม่อาจสั่นคลอน และนางยังได้เห็นเขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกวัน บรรดาสตรีในใต้หล้านี้ นอกจากนางแล้วเขาก็ยากจะให้ใครเห็นส่วนลึกของหัวใจได้จริงๆ
นึกถึงการสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ของกรมพิธีการในครั้งนี้ นางก็คล้ายคิดอะไรขึ้นมาได้ หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะก็เอ่ยถามเบาๆ “ถ้าการสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ในครั้งนี้มีหญิงสาวรูปโฉมงดงาม สติปัญญาปราดเปรื่อง และมีความสามารถเป็นขุนนางได้ ฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานนาง วางพระทัยนางเช่นกันด้วยหรือไม่เพคะ”
ดวงตาของเขาไม่เลื่อนหนี สีหน้าของเขาไม่แปรเปลี่ยน “ใต้หล้านี้มีเมิ่งถิงฮุยเพียงผู้เดียว”
นางนิ่งงันไป
ปลายจมูกพลันแสบร้อน ขอบตาก็แดงเรื่อแล้ว
…ใช่แล้ว ถึงวันหน้าเขาจะแต่งตั้งฮองเฮาแต่งตั้งชายา ครอบครองตำหนักฝ่ายในสามพันคน ใต้หล้านี้ก็มีนางเมิ่งถิงฮุยเพียงผู้เดียว
นางยังมีอะไรไม่รู้จักพออีก ยังคิดจะเรียกร้องอะไรอีกเล่า
เขาย่อมไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด เห็นนางนั่งนิ่งไม่พูดอะไรอยู่นาน พอหลุบตาลงแล้วเห็นสีหน้าท่าทางของนางก็อดหยักโค้งมุมปากน้อยๆ ไม่ได้ ถอนหายใจบอก “เคยพูดตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าเจ้าคิดให้น้อยลงสักหน่อย ข้าก็จะเบาใจขึ้นมาก หารู้ไม่ในบรรดาบัณฑิตรุ่นใหม่ในราชสำนักมีคนเลื่อมใสศรัทธาเจ้าใต้เท้าเมิ่งมากเพียงใด แม้แต่การสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ของกรมพิธีการในครั้งนี้ก็มีผู้มีความรู้ความสามารถจำนวนไม่น้อยต้องการจะเห็นท่าทีที่สง่างามของใต้เท้าเมิ่งด้วยตาตนเอง…กระทั่งข้ายังไม่ระแวงว่าเจ้าจะถูกคนหนุ่มที่มีความรู้ความสามารถเหล่านั้นดึงดูดใจ เจ้ากลับหาเรื่องไม่สบายใจใส่ตัวทำอะไร”
นางถูกคำพูดเหล่านี้ของเขาเย้าแหย่จนหัวเราะออกมาเบาๆ ลอบด่าตนเองในใจว่า โลภมากเกินไป ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากเขาก็เพียงพอแล้ว จึงยื่นมือไปโอบรอบคอเขา พูดเสียงกระซิบ “ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ ยังจะมีผู้ใดที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสง่างามเช่นฝ่าบาท เฉลียวฉลาดและเด็ดขาดยุติธรรม แข็งแกร่งดุดันองอาจผึ่งผายเช่นฝ่าบาท ชั่วชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ในความคิดจิตใจมีเพียงฝ่าบาทเท่านั้น”
เขามือหนึ่งโอบนาง มือหนึ่งจับพู่กันขึ้นมาจรดอักษร ปากก็กล่าวยิ้มๆ “ฟังคำพูดนี้ของเจ้าแล้ว ที่ผู้อื่นบอกเจ้าเป็นขุนนางจอมประจบสอพลอก็ดูจะไม่เกินไป ข้าจะมีดีเหมือนที่เจ้าพูดได้อย่างไร”
มีสิ
นางพินิจดูใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาเลิศล้ำของเขา ดูเขาแทงหนังสือตอบทีละฉบับไปเงียบๆ แอบพูดอยู่ในใจ
ผืนฟ้ายามราตรีเปรียบเสมือนหมึกข้นสีดำไหลไปช้าๆ แสงเงาในห้องค่อยๆ จมหาย เหลือเพียงความรักลึกซึ้งของคนสองคนที่ไหลริน เอ่อท้นโต๊ะไปทั่วทุกหนแห่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ
* กินผัก อุปมาถึงคนไม่มีสติปัญญาความสามารถ
* งานเลี้ยงฉยงหลิน เป็นงานเลี้ยงที่ราชสำนักจัดให้บัณฑิตจิ้นซื่อ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 เม.ย. 67