ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-5 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-5

ตอนนั้นนางบอก ‘แต่ความมุ่งมาดปรารถนาของหม่อมฉัน กลับต้องการให้พระองค์มีชื่อเสียงที่ดีงามในประวัติศาสตร์’

ในใจของนางหนักอึ้งขึ้นมาอีก เมื่อครู่ใคร่ครวญมากเพียงนั้น กลับลืมใคร่ครวญถึงคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เก้ามังกรไปคนเดียว…ครั้งนี้ถ้านางเอาจดหมายส่วนตัวเหล่านี้ส่งไปถึงโต๊ะทรงพระอักษร ไม่รู้ว่าเขาจะมีท่าทีเช่นไร ว่ากันตามเหตุผลขุนนางกลุ่มตะวันตกล้วนเป็นขุนนางเก่าที่อยู่กับซั่งหวงมานานปี เขาจะปลดรองเสนาบดีสำนักการปกครองฝ่ายซ้ายเพราะคำกล่าวโทษของนางหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาซักไซ้ไล่เลียงที่มาของจดหมายเหล่านี้นางควรบอกไปตามความจริงหรือไม่

นางแม้จะรู้ถึงน้ำหนักของตนในใจเขา แต่กลับไม่รู้ถึงน้ำหนักของตนในฐานะขุนนางที่อยู่ในแผนการของเขาผู้เป็นกษัตริย์ เขาจะเฝ้าดูอำนาจของนางในราชสำนักเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่กำราบ จะปล่อยให้นางก้าวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วครั้งแล้วครั้งเล่าจริงหรือ

คำพูดของเขาในวันนั้นตอนอยู่ที่สนามฝึกยังคงดังก้องอยู่ข้างหูนาง

นางกลับไม่กล้าเชื่อว่าเขาในฐานะกษัตริย์จะยินดีให้นางก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในพริบตาเดียวจริง ตรงขึ้นสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า ชั่วชีวิตไม่ตกลงมา…นางรักเขาเพียงนี้ก็จริง แต่ก็เป็นเพราะเรื่องการต่อสู้ของแต่ละกลุ่มและเหตุการณ์บ้านเมือง จึงแอบเอาเขามาคิดการวางแผนอยู่ในใจ แล้วในใจของเขาความรู้สึกที่มีต่อนางจะราบเรียบกว้างใหญ่ดุจคันฉ่องได้อย่างไร

ล้อรถม้ากลืนไปกับเงามืดริมถนน เสียงอันคึกคักของตลาดกลางคืนถูกทิ้งไว้ข้างหลังและค่อยๆ จางหายไป

นางหลุบตาลง ในใจเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วว่าอีกประเดี๋ยวเมื่อได้พบกับเลี่ยวฉงควนจะพูดอะไรบ้าง กับท่าทีโต้ตอบของเลี่ยวฉงควนก็ต้องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ทว่าเรื่องนี้ควรรีบไม่ควรช้า ถ้าจะยื่นหนังสือกล่าวโทษสวีถิงจริง จะดีที่สุดถ้าร่างหนังสือเสร็จพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ แล้วกราบทูลให้ฮ่องเต้ทราบเรื่อง จากนั้นให้เลี่ยวฉงควนนำเหล่าขุนนางในสำนักตรวจการกลางไปร่วมกล่าวโทษ

นางนั่งอยู่ในรถม้า ในสมองเริ่มเรียบเรียงถ้อยคำที่จะเขียนในหนังสือกล่าวโทษแล้ว สายตามองผ่านม่านหน้าต่างบางๆ ออกไปข้างนอก มองเหม่อไปไกล

รถม้าวิ่งเข้ามาในเขตที่ตั้งเรียงรายไปด้วยคฤหาสน์ของขุนนางผู้มีอำนาจ ความเร็วจึงยิ่งช้าลง ตอนจะเลี้ยวเข้าไปในตรอกที่จวนสกุลเลี่ยวตั้งอยู่ เมิ่งถิงฮุยกลับเห็นรถม้าที่คุ้นตายิ่งคันหนึ่งวิ่งออกมาจากทางด้านใต้ พอเขม้นตามองอย่างละเอียดก็เห็นว่าเป็นรถม้าของจวนสกุลเสิ่น คิดว่าคงเป็นเสิ่นจือหลี่ออกมาข้างนอก และคาดเดาว่าเวลานี้เสิ่นจือหลี่ก็คงเห็นรถม้าคันนี้ของตนแล้วเช่นกัน ในเมื่อหลบไม่พ้น นางจึงสั่งเด็กรับใช้ให้หยุดรถม้า ตั้งใจจะลงจากรถม้าไปทักทายเสิ่นจือหลี่

แต่เพิ่งจะเลิกม่าน เมิ่งถิงฮุยก็นึกขึ้นได้ ทิศทางที่รถม้าของจวนสกุลเสิ่นวิ่งออกมาคือจวนสกุลกู่ นางพลันรู้สึกลำบากใจขึ้นมา เพียงรู้สึกตนเองไม่ควรพบเห็นเสิ่นจือหลี่มาที่นี่ในเวลาเช่นนี้เลย ชั่วขณะนั้นก็อดลังเลขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรลงจากรถม้าดี

ขณะลังเลอยู่นั้นรถม้าของจวนสกุลเสิ่นก็วิ่งเข้ามาใกล้แล้ว แล้วก็หยุดลงตรงหน้าตรอก ม่านหนาหน้ารถถูกคนเลิกขึ้น เสิ่นจือหลี่ชะโงกหน้าออกมาจากข้างใน ก่อนยิ้มพลางกล่าวกับเด็กรับใช้จวนสกุลเมิ่ง “อย่างไรกัน เดี๋ยวนี้ใต้เท้าบ้านเจ้ามีตำแหน่งใหญ่โตมีอำนาจบารมีสูง แม้แต่ข้าก็หลบเลี่ยงไม่ยอมพบแล้วหรือ”

เมิ่งถิงฮุยจึงลงจากรถม้าด้วยความอึดอัดลำบากใจเช่นนี้ ช้อนตามองไปก็เห็นเสิ่นจือหลี่ยืนรอนางอยู่ที่หน้าตรอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางรีบก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว ปากก็ยิ้มพลางกล่าว “ไม่พบกันหลายวัน ฝีปากท่านร้ายกาจขึ้นมาก ข้าไหนเลยจะกล้าหลบเลี่ยงไม่ยอมพบท่าน”

เสิ่นจือหลี่สองมือรวบชายแขนเสื้อ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางผืนฟ้ายามราตรี หวีงาช้างสีขาวนวลบนมวยสูงด้านหลังศีรษะสาดประกายคล้ายลำแสงสีเงิน สว่างเรืองรองจ้าตา ด้านล่างของชายกระโปรงยาวมีรองเท้าปลายงอนปักลายหงส์คู่สีแดงขาวสองข้างโผล่ออกมา ขับให้รูปร่างของนางยิ่งดูอรชรอ้อนแอ้น นางหรี่ตาทั้งสอง ยิ้มแย้มมองประเมินเมิ่งถิงฮุยขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้งแล้วกล่าวช้าๆ “ใต้เท้าเมิ่ง ชุดกระโปรงขุนนางสีม่วงนี่งดงามยิ่ง ทำให้ข้าอิจฉายิ่งนัก”

นับแต่เมิ่งถิงฮุยรับตำแหน่งขุนนางร่างราชโองการก็เกือบจะครึ่งปีแล้ว พวกนางสองคนยังไม่ได้เจอหน้ากันเป็นการส่วนตัวตามลำพังเช่นนี้เลย หลายเดือนมานี้เมิ่งถิงฮุยมีงานยุ่งจนไม่คิดจะไปคบค้าสมาคมกับใคร ยามนี้มาได้ยินเสิ่นจือหลี่กล่าวเช่นนี้ก็พลันรู้สึกขวยเขินลำบากใจ จึงรีบชี้แจง “คำพูดนี้ของท่านจะให้ข้าหาทางลงอย่างไร ผู้อื่นไม่รู้ก็แล้วไปเถิด หรือแม้แต่ท่านก็ไม่รู้จักข้า ในบรรดาขุนนางสตรีทั้งราชสำนักไม่ว่าผู้น้อยผู้ใหญ่ ข้าก็ค่อนข้างสนิทสนมกับท่านเพียงคนเดียว เหตุใดเวลานี้แม้แต่ท่านก็ลองหยั่งเชิงข้าขึ้นมาแล้ว”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com