เมิ่งถิงฮุยผงกศีรษะน้อยๆ ครั้นเห็นเสิ่นจือหลี่หมุนตัวไปจึงหันไปเรียกเด็กรับใช้ ตนเองขึ้นรถม้า ก่อนมุ่งหน้าเข้าไปในตรอกต่อไป
ม่านรถถูกปล่อยลงมา รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งถิงฮุยก็จางหายไปแล้ว
นางหลับตาลง ในใจเริ่มสะอิดสะเอียนตนเองขึ้นมารำไร
แม้แต่กับเสิ่นจือหลี่นางก็ไม่อาจเอ่ยคำพูดในใจออกมาได้ และเรื่องที่นางกำลังจะทำอยู่นี้ที่แท้แล้วถูกหรือผิดกันแน่
ช่วยเหลือผู้คน…ช่วยเหลือผู้คน… นี่แตกต่างจากความคิดตอนแรกเริ่มของนางไม่ใช่เพียงหลายหมื่นหลี่ แต่คนอยู่ในราชสำนัก ถ้าไม่อยากถูกผู้อื่นบดขยี้เป็นโคลนเลนก็ต้องทำให้ตนเองแหลมคมเพื่อให้ไม่มีใครกล้ารังแก การคุยโวโอ้อวดว่าจะช่วยเหลือผู้คนเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง แต่ถ้าตนเองยังเหยียดเอวให้ตรงยืนให้มั่นไม่ได้ คำพูดที่ว่า ‘ช่วยเหลือผู้คน’ ย่อมเป็นความคิดที่เหลวไหลยิ่ง
นางมองไปไกลๆ เห็นพู่โคมไฟหลากสีที่แขวนอยู่สองด้านของป้ายชื่อจวนสกุลเลี่ยวแกว่งไกวไปตามสายลมยามราตรี รถม้าค่อยๆ หยุดลง
นางลืมตา ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ทีหนึ่งแล้วยกมือขึ้นเลิกม่าน
การสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ในปีที่หนึ่งของรัชศกจิ่งเซวียนได้สร้างการเปลี่ยนแปลง มีจิ้นซื่อสตรีหกคนที่ผ่านการสอบเข้ามาพร้อมกับจิ้นซื่อบุรุษ ทำให้เหล่าขุนนางในราชสำนักออกจะประหลาดใจและเลื่อมใสอย่างแท้จริง ต่างคาดไม่ถึงว่าการเปลี่ยนรูปแบบการสอบของเมิ่งถิงฮุยในครั้งนี้จะสามารถดึงดูดสตรีที่มีความสามารถทัดเทียมบุรุษเข้ามาเป็นขุนนางได้จริง
ทว่าเพียงไม่กี่วันก่อนงานเลี้ยงฉยงหลิน หนังสือกราบทูลกล่าวโทษฉบับหนึ่งที่เมิ่งถิงฮุยทูลถวายตอนประชุมขุนนางในช่วงเช้าก็ทำให้ขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารในราชสำนักต่างอกสั่นขวัญแขวน แม้แต่เรื่องตำแหน่งขุนนางของจิ้นซื่อสตรีที่แสดงความคิดเห็นโต้แย้งกันมาหลายครั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนยังถูกผู้คนโยนทิ้งไปไม่ใส่ใจ ข่าวซุบซิบในเมืองหลวงเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ทุกคนต่างจับตามองเรื่องที่เมิ่งถิงฮุยยื่นหนังสือกราบทูลกล่าวโทษสวีถิงรองเสนาบดีสำนักการปกครองฝ่ายซ้ายเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ในจดหมายส่วนตัวที่สวีถิงเขียนถึงห่าวค่วงขุนนางเก่าได้เอ่ยถึงหลายครั้งว่าวิธีการปกครองของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่สอดคล้องกับเจตจำนงของตน เรื่องนี้พอเปิดออกมาก็ทำให้เหล่าขุนนางกลุ่มตะวันตกที่ก่อนหน้านี้ใกล้ชิดพึ่งพาสวีถิงอยู่ต่างรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา หวาดกลัวยิ่งว่าตนจะมีจุดอ่อนอะไรตกหล่นอยู่ข้างนอก แม้แต่เหล่าขุนนางกองอาลักษณ์และศิษย์สำนักศึกษาไท่เสวียที่ปกติจะแสดงความคิดเห็นกับทุกเรื่อง ครั้งนี้ต่างก็เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างเงียบๆ
กลับเป็นสำนักผู้ตรวจการกลางที่เผยกระบี่คมออกมา กลุ่มขุนนางของสำนักตรวจการกลางโดยมีเลี่ยวฉงควนเป็นผู้นำได้พากันยื่นหนังสือกราบทูล ต่างกล่าวหาว่าสวีถิงตั้งพรรคตั้งพวกไม่อยู่ในครรลองของขุนนาง เนรคุณไม่เชื่อฟัง ขอให้ฮ่องเต้ปลดสวีถิงออกจากตำแหน่งรองเสนาบดีเพื่อรักษาไว้ซึ่งจริยธรรมและประเพณีอันดีงามของราชสำนัก
ในหมู่ชาวบ้านอาจมีการวิพากษ์วิจารณ์ส่วนตัว บอกเมิ่งถิงฮุยเป็นคนต่ำช้าไร้ยางอาย ไม่รู้ใช้วิธีใดขุดจดหมายเหล่านี้ออกจากหลุมศพผู้ตายเพื่อจะบีบบังคับสวีถิงให้ยอมรับผิดและออกจากตำแหน่ง
คำพูดชั่วร้ายระคายหูที่มีต่อเมิ่งถิงฮุยแม้จะมากมายนับไม่ไหว แต่จดหมายส่วนตัวหลายสิบฉบับของสวีถิงคือหลักฐานที่ชัดแจ้งมั่นคงดุจขุนเขา ขุนนางในราชสำนักต่างเข้าใจว่าฮ่องเต้จะต้องส่งเขาไปเข้าคุกสำนักผู้ตรวจการกลางเพื่อพิจารณาโทษ แม้แต่ตัวสวีถิงเองก็ยื่นหนังสือขออภัยโทษและกลับไปอยู่ที่จวนไม่ออกมาอีก
คลื่นลูกใหญ่ที่โหมซัดสาดนับหมื่นจั้งในครั้งนี้ แม้แต่คนที่ไม่ถามไถ่เรื่องการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจในราชสำนักมากที่สุดเหล่านั้นก็ยังรู้ ครั้งนี้ผู้อาวุโสกลุ่มตะวันตกจะต้องหมดสิ้นอำนาจแน่แล้ว
เวลานี้แค่รอดูว่าฮ่องเต้จะลงโทษสวีถิงอย่างไร และจะจัดการกับการกระทำในครั้งนี้ของเมิ่งถิงฮุยอย่างไร
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 22 เม.ย. 67