“อ้อ” แทนที่จะหน้าซีดเจื่อนสนิทหรือชักสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างที่ควรเป็น นิสรีนกลับหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง มือซ้ายขาวนวลซึ่งมีกำไลคาร์เทียร์ประดับอยู่เพียงวงเดียวถูกยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา ทั้งที่เตรียมคำตอบไว้แต่แรกแล้ว ทว่านางเอกสาวก็ยังเลือกที่จะเอียงคอมองคนตั้งคำถามยิ้มๆ “ตาดีจังเลยนะคะ ขอบคุณที่ใส่ใจนีซขนาดนี้”
‘ใส่ใจ’ ฟังดูเป็นคำที่มีความหมายเชิงบวก แต่ใครที่หัวไวหน่อยคงรู้ดีว่าปัจจุบันมันแฝงไปด้วยความหมายเชิงลบอย่าง ‘ช่างเผือก’ หรือให้ตรงกว่านั้นคือสอดรู้สอดเห็นจนเกินงาม และแน่นอนว่านักข่าวสาวซึ่งเคยมีกรณีพิพาทกันมาหลายรอบย่อมเข้าใจความนัยนั้น หล่อนหน้าตึง ริมฝีปากกระตุกยิ้มเกร็ง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ
“แหมๆ ถ้าไม่สังเกตเห็นก็คงจะยากนะคะ คุณนีซทั้งเห่อทั้งภูมิใจเสียจนไม่ยอมถอดออกกระทั่งตอนถ่ายละครเลยนี่คะ” นั่นเคยเป็นปัญหาน่าปวดหัวให้กับกองถ่ายละครอยู่พักใหญ่ เมื่อนางเอกสาวคนสวยที่ในเรื่องต้องแสดงเป็นคนโสดสนิทดึงดันไม่ยอมถอดแหวนหมั้นซึ่งแสนจะโดดเด่นสะดุดตาวงนั้นออก ก่อนจะจบลงด้วยการที่นิสรีนยอมถอดออกตาม ‘คำสั่ง’ ของคู่หมั้น
“งั้นเหรอคะ” นิสรีนพยักหน้ารับ ปลายนิ้วโป้งถูไถโคนนิ้วนาง หัวใจโหวงเหวงเล็กน้อยเมื่อพบความว่างเปล่าที่ไม่คุ้นเคย แต่ถึงอย่างนั้นวงหน้างดงามก็ยังประดับด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงตอนแรกนีซตั้งใจว่าจะรอแถลงข่าวพร้อมกัน แต่เพราะมีคนตาดีสังเกตเห็นเสียก่อน งั้นนีซขอพูดเลยก็แล้วกันเนอะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองขณะประกาศ “ที่ไม่เห็นนีซใส่แหวนหมั้น ก็เพราะนีซไม่ได้หมั้นแล้วน่ะค่ะ”
ไม่พูดเปล่า เจ้าหญิงกุหลาบขาวยังโบกมือข้างซ้ายให้ช่างภาพได้บันทึกไปทำข่าวกันอย่างทั่วถึง
ทั้งคำพูดและท่าทางของนางเอกสาวสร้างความฮือฮาให้กับนักข่าวรวมถึงทีมงานที่ได้ยิน ดวงตาหลายคู่เป็นประกายแวววาวเมื่อรู้ว่ากำลังจะได้ ‘ข่าวใหญ่’ ติดไม้ติดมือกลับไป
“นีซคะ หมายความว่ายังไงคะ”
“น้องนีซถอนหมั้นกับคุณคุปต์แล้วเหรอคะ”
“คุณนีซช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้มั้ยคะ”
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอยืนอยู่ท่ามกลางวงคำถามของนักข่าว ทว่านิสรีนก็ยังต้องตั้งสติและเกร็งกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ให้แสดงความหงุดหงิด หญิงสาวปรายตามองผู้จัดการส่วนตัวที่ยืนทำหน้าเหวอไปแวบหนึ่งเพราะไม่คิดว่าเธอจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ‘เจนสุดา’ จึงรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ใจเย็นๆ นะคะ คุณนีซจะตอบทุกคำถามค่ะ แต่อย่าถามพร้อมกันแบบนี้นะคะ มันฟังยากค่ะ”
รอจนทัพนักข่าวเริ่มสงบลง นิสรีนก็เริ่มตอบคำถามอย่างที่ตั้งใจไว้
“อย่างที่นีซบอกไปเลยค่ะ นีซไม่ได้หมั้นกับพี่คุปต์แล้ว”
ดวงตาสวยเฉี่ยวกวาดมองกล้องทีละตัว ริมฝีปากผุดรอยยิ้มผิดกับแววตาที่ซุกซ่อนความขื่นขมเอาไว้แทบไม่มิด
เพราะลึกลงไป…เธอก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้
แต่ถ้าไม่อยากตายอย่างนางร้าย นิสรีนก็ต้องถอนตัวออกจากความสัมพันธ์กับอัตรคุปต์ตั้งแต่ตอนนี้
“นีซกับพี่คุปต์ เราสองคน…”
“นีซแค่อำเล่นน่ะครับ”
ก่อนเธอจะพูดจบความสัมพันธ์รักเจ็ดปี เสียงเย็นชาของใครบางคนก็ดังผ่าขึ้นกลางวง เรียกให้ทุกสายตาซึ่งเคยจับจ้องเธอหันไปมองเขา…ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทตัดกับกุหลาบขาวช่อโตในมือค่อยๆ ก้าวฝ่าวงล้อมของนักข่าวซึ่งแหวกทางให้แต่โดยดีเข้ามายืนข้างนางเอกสาว
เพราะรู้จักกันมาแทบทั้งชีวิต นิสรีนจึงเห็นชัดว่าอัตรคุปต์กำลังตำหนิเธอผ่านสายตา แต่มือหนากลับส่งกุหลาบขาวช่อนั้นมาให้
“ของนีซ”
“อะ เอ่อ…ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับมาถืออย่างงุนงง หัวใจเจ็บแปลบยามหวนคิดถึงความหลัง
ทุกวันวาเลนไทน์เธอจะได้รับช่อดอกไม้จากอัตรคุปต์ ทว่านิสรีนรู้ดีว่ามันเป็นของที่ถูกเตรียมไว้โดยเลขาฯ มืออาชีพของอีกฝ่าย
กุหลาบขาวแห่งอัศมาลย์เผลอสะดุ้งเล็กๆ ยามอดีตคนรักวาดมือมาโอบไหล่เธอเอาไว้ก่อนจะหันไปให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคง
“ที่นีซบอกว่าเราไม่ได้หมั้นกันแล้วแค่ล้อเล่น เพราะจริงๆ แล้วเรากำลังจะแต่งงานกัน”
“คะ?! ยังไงนะคะ”
“ไหนครั้งก่อนคุณคุปต์ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีแพลน…”
เมื่อสามเดือนก่อนตอนเจออัตรคุปต์ในงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ที่หัวหิน ชายหนุ่มยังปฏิเสธหน้าตึงว่าไม่มีแพลนจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ ขัดกับคำให้สัมภาษณ์ของนิสรีนซึ่งออกตัวว่ากำลังหารือกันอยู่
แล้ววันนี้มันยังไงอีก ทำไมอยู่ดีๆ นางเอกสาวที่เคย ‘ออกตัวแรง’ ว่าจะแต่งแน่ๆ ถึงบอกว่าไม่ได้หมั้นกันแล้วด้วยท่าทางเหมือนจะประกาศว่าเลิกรากันกับคนรัก ส่วนนักธุรกิจหนุ่มที่เคยปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีแพลนจะแต่งงานกลับก้าวเข้ามาขัดว่านิสรีนแค่ล้อเล่นเพราะทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน
คู่นี้เคยคุยกันให้เคลียร์ก่อนให้สัมภาษณ์บ้างไหมนะ
นักข่าวหลายคนสงสัยอยู่ในใจ แต่สีหน้าของอัตรคุปต์กับฐานะของอีกฝ่ายทำให้ไม่มีใครกล้าเปิดปากถามออกไปตรงๆ
“ครั้งก่อนมันตั้งสามเดือนแล้ว เวลาสามเดือนมันมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง”
โดยเฉพาะความรู้สึกของเขาที่มีต่อนิสรีน มันลึกซึ้งขึ้นมากกว่าเดิมนับร้อยเท่า