LOVE
ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 2-บทที่ 3
ก็นะ ชื่อเสียงเรื่องความ ‘หวงหลัว’ ของแม่กุหลาบขาวนี่โด่งดังจะตายไป ใครมองไฮโซหนุ่มหน่อยเป็นไม่ได้ สถานเบา ‘เจ้าที่’ ก็แค่ถลึงตาใส่ ส่วนสถานหนัก…ได้ข่าวว่าจากนางเอกไฮโซก็เคยแปลงร่างเป็นสก๊อยมือตบมาแล้ว
แต่อย่างว่า โชคดีที่เกิดมาเงินหนา เรื่องพวกนั้นจึงไม่เคยเป็นข่าว บรรดาแฟนคลับเลยยังคงหน้ามืดตามัวมองว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์เหมือนเดิม
“ทำเล็บเสร็จแล้วใช่มั้ย” อัตรคุปต์ที่รอคนรักทำเล็บจนเกือบหลับไปรอบหนึ่งหาวหวอด ยัดสมาร์ตโฟนรุ่นท็อปลงกระเป๋ากางเกง “ไปแต่งตัวสิ”
“คะ?” นิสรีนอุทานเสียงแหลม ดวงตาสวยเฉี่ยวละจากเล็บมือไปยังวงหน้าหล่อเหลาโดดเด่นจนพระเอกหลายคนยังชิดซ้าย “แต่งตัวไปไหน”
“กินข้าวกันไง”
“ฮะ?”
“วันนี้วันเสาร์” อัตรคุปต์ว่า พอเห็นหัวคิ้วอ่อนจางขมวดมุ่นก็เอ่ยย้ำ “เสาร์สุดท้ายของเดือน นีซเป็นคนพูดเองว่าเสาร์-อาทิตย์สุดท้ายของเดือนเป็นวันของ ‘เรา’ ” ชายหนุ่มเน้นเสียงหนักตรงคำสุดท้าย
นัยน์ตาสวยเฉี่ยวไหววูบสะท้อนความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะเบือนหน้าหนีให้พ้นดวงตาคม นิสรีนสูดหายใจลึก มือเรียวยกขึ้นลูบใบหน้าเพื่อขับไล่ความเจ็บร้าวจากเรื่องราวในอดีตออกไป
“นีซจำได้” น้ำเสียงแข็งห้วนอยู่เป็นนิจสั่นเครือ พอแน่ใจว่าควบคุมความรู้สึกได้ดีประมาณหนึ่งเธอก็หันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง “นีซจำได้ดีว่าทุกสุดสัปดาห์สิ้นเดือนมันคือวันของเรา” หญิงสาวแค่นหัวเราะ “แต่ไม่คิดว่าพี่คุปต์จะยังจำได้ก็เท่านั้น”
เพราะตลอดมาคนที่เรียกร้องและพยายามหาเวลาว่างมาใช้ร่วมกันมีแค่เธออยู่ฝ่ายเดียว
ทั้งวงการต่างรู้ดีว่าเสาร์-อาทิตย์สิ้นเดือน ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายหรืองานใหญ่ที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ นางเอกสาวเจ้าของฉายาเจ้าหญิงกุหลาบขาวจะไม่รับงานเด็ดขาด ครั้งหนึ่งผู้จัดการส่วนตัวอย่างเจนสุดาเคยบ่นว่านิสรีนสูญเสียรายได้จากการปฏิเสธงานเพราะเหตุผลนี้ไปไม่รู้กี่ล้านแล้ว
แต่คุณหนูไฮโซที่คาบช้อนทองฝังเพชรมาเกิดกลับยักไหล่ ไม่สนใจเงินจำนวนนั้นเลยสักนิด
ก็เงินพวกนั้นจะไปเทียบกับการใช้เวลาอยู่ร่วมกับพี่คุปต์ของเธอได้อย่างไร
ทั้งที่หญิงสาวคิดแบบนั้น แต่สำหรับอัตรคุปต์แล้ว…‘ทุกสิ่ง’ ล้วนสำคัญกว่าเธอทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะงาน แข่งรถ หรือปาร์ตี้กับเพื่อน เขาเลือกทุกอย่างแล้วหันกลับมาปฏิเสธนัดหมายของ ‘เรา’ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘เสาร์-อาทิตย์สิ้นเดือนมันก็มีอยู่ทุกเดือนนั่นแหละ แต่งานนี้มันไม่ได้มีทุกเดือนสักหน่อย เดือนหน้าค่อยอยู่ด้วยกันก็ได้นี่’
ความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้หวนกลับมาแค่ในหัวของนิสรีน เพราะอัตรคุปต์เองก็ระลึกได้อย่างรวดเร็ว ดวงตาคมดุอาบไล้ไปด้วยความรู้สึกผิด ชายหนุ่มคว้ามือเรียวซึ่งเล็กจนเขาสามารถใช้มือเดียวรวบสองมือของเธอได้มากุมไว้ ขณะที่อีกข้างก็เลื่อนไปสัมผัสผิวแก้มขาวซีด ผู้นำแห่งมหัสวัตกัดริมฝีปาก ท้ายที่สุดคำพูดนั้นก็ออกจากกลีบปากสีแดงจัด
“…ขอโทษ”
“คะ?” นิสรีนเผลออุทานเสียงสูง ดวงตาซึ่งเมื่อครู่ยังฉาบทับด้วยความเจ็บปวดผิดหวังถูกแทนที่ด้วยความตกใจระคนสับสน หญิงสาวกลอกตาไปมาอย่างครุ่นคิด “เมื่อกี้…พี่คุปต์พูดว่าอะไรนะ”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ชายหนุ่มหลับตาลงจนมองเห็นแพขนตายาว หลังทบทวนดีแล้วก็ลืมตาขึ้น ใช้ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างจริงใจจับจ้องไปยังนัยน์ตาของคนรัก
“พี่บอกว่าขอโทษ”
เขา…ขอโทษ…เธอ?
หัวใจของนิสรีนเต้นระรัวแรงขึ้น ความตื่นเต้นระคนยินดีไหลวนอยู่ในอก
หนึ่งในนิสัยที่เหมือนกันราวกับถอดออกมาของพระเอกและนางร้ายผู้คาบช้อนทองฝังเพชรมาเกิดอย่างเขาและเธอก็คือการแทบจะไม่เคยขอโทษใครเลย เพราะต่างไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด หรือต่อให้รู้ว่าผิด…ก็เย่อหยิ่งปากหนักรักศักดิ์ศรีจนไม่คิดจะเอ่ยคำขอโทษออกไป
ทว่าคนปากหนักทุกคนย่อมมีคนพิเศษที่ได้รับข้อยกเว้นนั้น สำหรับอัตรคุปต์…คนคนนั้นคงเป็นนางเอกตัวจริงของเขา แต่สำหรับนางร้ายผู้คลั่งรักอย่างนิสรีน…คนเดียวที่เธอยอมเอ่ยปากขอโทษไม่ว่าตัวเองจะผิด ไม่ผิด ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด หรือแม้แต่เขาเป็นฝ่ายผิด…เธอก็พร้อมจะเอ่ยปากขอโทษก่อนถ้าคนคนนั้นคืออัตรคุปต์
ตลอดมามันเป็นแบบนั้น กระทั่งวันครบรอบหกปีที่อัตรคุปต์ปล่อยให้เธอรอที่ร้านอาหารหรูอยู่ครึ่งค่อนคืนเพราะเขาลืม…ชายหนุ่มยังไม่แม้แต่จะเอ่ยปากขอโทษเธอสักคำ มีเพียงกำไลข้อมือคาร์เทียร์มูลค่าครึ่งล้านที่ถูกส่งมาเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
มาวันนี้คนที่ไม่เคยขอโทษเธอเลยสักครั้งกำลังขอโทษเธองั้นหรือ
หยดน้ำตาร่วงหล่นจากหน่วยตาเฉี่ยว นั่นทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่หัวใจไหววูบ วงหน้าหล่อเหลาซีดลงไปหนึ่งเฉดพลางรีบถามด้วยสีหน้าร้อนรน
“นีซ…เป็นอะไร พี่…ทำอะไรผิดรึเปล่า” คนที่เปี่ยมล้นด้วยความมั่นใจและไม่เคยคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดมาก่อนตั้งคำถามด้วยความระมัดระวังเมื่ออยู่ดีๆ คนรักก็ร้องไห้ออกมา
“พี่คุปต์…ขอโทษนีซงั้นเหรอ” หญิงสาวเม้มปาก พยายามหยุดการร้องไห้อันน่าอับอายนี้ลง ดวงตาซึ่งยังพร่ามัวจับจ้องไปยังอดีตคนรัก “พี่คุปต์รู้มั้ยว่านี่คือคำขอโทษแรกที่นีซได้จากพี่”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ดวงหน้าหล่อเหลาแหงนขึ้นมองเพดานเล่นระดับเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่ตีขึ้นมาในอก ก่อนจะรวบร่างระหงเข้ามากอดไว้โดยไม่สนใจว่าเธอจะต่อต้านขัดขืนหรือไม่ อัตรคุปต์โน้มตัวลงกอดเธอไว้ กระซิบข้างใบหูของคนที่เริ่มข่มเสียงสะอื้นและน้ำตาไว้ไม่อยู่
“พี่ขอโทษ ขอโทษที่ตลอดมาไม่เคยพูดคำนี้กับนีซเลย ขอโทษที่ทำเหมือนตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด ขอโทษที่เคยไม่ใส่ใจนีซ เย็นชากับนีซ พี่…ขอโทษจริงๆ”
ยิ่งเขาพร่ำคำขอโทษออกมามากเท่าไร คนในอ้อมแขนก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมากเท่านั้น
นิสรีนอาจเคยน้ำตาคลอ เคยร้องไห้ต่อหน้าอัตรคุปต์มาบ้าง ซึ่งหลายครั้งชายหนุ่มมองออกว่านักแสดงฝีมือดีอย่างเธอกำลังเล่นละครเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา
แต่ไม่เคยมีครั้งไหน…ที่คนรักจะกำแขนเสื้อเขาไว้แน่นแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจแบบนี้
และนิสรีนคงไม่รู้…ว่านั่นทำให้หัวใจเขาแทบจะขาดตามไปด้วยจนต้องวอนขอ
“นีซ อย่าร้องไห้เลยนะ พี่…จะไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.