LOVE
ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 6-บทที่ 7
“คนนึงก็ปากแข็ง อีกคนก็ปากหวานไปเรื่อย” มองคู่แฝดโปรยเสน่ห์ใส่บริกรสาวจนเจ้าหล่อนหน้าแดงไม่แพ้เสื้อแจ็กเก็ตที่แสงเหนือสวมใส่ แสงแรกก็โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ ทว่าพอเหลือบตาขึ้นมองสีหน้าบึ้งตึงเย็นชาของอัตรคุปต์ก็ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตนยังทับถมไม่หนำใจนัก เขาจึงพึมพำคล้ายคุยกับตัวเอง…แต่เป็นในระดับเสียงที่คิดคำนวณมาแล้วว่าต้องได้ยินกันทั้งโต๊ะ “ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่นายขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างไอ้โบ้กับเขาด้วย”
“แค่กๆ! ฮะ?” คนที่ได้อาหารก่อนคนอื่นและเพิ่งลิ้มรสชาติราดหน้าร้อนๆ สำลักกับคำพูดของคู่แฝด เงยหน้าถามด้วยดวงตาพราวระยับ “เมื่อกี้…นายพึมพำอะไรนะ”
“หือ?” แสงแรกกะพริบตาปริบๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะกล่าว “ ‘ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างไอ้โบ้’ น่ะเหรอ ฉันอ่านเจอมาจากในทวิตน่ะ”
“ไอ้โบ้นี่…ชื่อหมาใช่มะ ฮ่าๆๆ” แสงเหนือหัวเราะลั่น ราดน้งราดหน้าอะไรไม่สนใจแล้ว หนุ่มแจ็กเก็ตแดงตัดกับผมสีทองสว่างตบเข่าฉาด ขยับตัวไปใกล้คนที่ทำหน้าบูดบึ้งเย็นชา “แต่เออ มองใกล้ๆ มันก็ดูโบ้ดีเหมือนกันนะไอ้คุปต์เนี่ย”
“เก็บปากไว้กินราดหน้ามึงไปเถอะ” คำรามลอดไรฟันใส่แฝดคนพี่แล้วก็หันไปถลึงตาดุดันเหมือนอยากจะต่อยหน้าแฝดคนน้องสักที แสงแรกที่เห็นดังนั้นเลยหลุดหัวเราะตาม
“นี่” หลังแกล้งเพื่อนจนพอใจ แสงแรกก็เอ่ยปากอีกรอบ รอจนดวงตาคมดุตวัดมามองอย่างโกรธเกรี้ยวก็ยิ้มขำ “อย่าทำหน้าแบบนั้นซี่ นี่ฉันกำลังจะหาทางช่วยนายเลยนะ”
“ช่วย?” อัตรคุปต์ขมวดคิ้ว ปากที่ไวกว่าความคิดทำให้เอ่ยออกไปอย่างรวดเร็วว่า “คนไม่มีแฟนอย่างพวกมึงจะมาช่วยอะไรกูได้” นอกจากช่วยกระทืบซ้ำจนเขาจมดิน
คำเหยียดหยันจากคนเดียวในกลุ่มที่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนมาเกือบสิบปี ทำให้คู่แฝดสุริยฉัตรมองหน้ากัน แสงเหนือแยกเขี้ยวโวยลั่น
“เฮอะ ถึงมึงจะไม่เคยเห็นพวกกูมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่โปรดอย่าลืมว่านี่คือพี่เรย์ขวัญใจสาวๆ นะครับ” ‘ขวัญใจสาวๆ’ ยิ้มกว้าง “เรื่องเอาใจสาวน่ะ กูเชี่ยวชาญกว่าไอ้สากกะเบืออย่างมึงแน่นอน”
อัตรคุปต์หรี่ตา แม้จะรู้สึกว่าแสงเหนือโอ้อวดสรรพคุณตัวเองมากเกินไปจนน่าหมั่นไส้ แต่พอนึกถึงสาวๆ ที่มักรายล้อมร่างสูงโปร่งแล้วก็พอยอมรับได้ คิดดังนั้นแล้วดวงตาคมดุจึงย้ายไปยังใบหน้าหล่อเหลาดูสุภาพอ่อนโยนแต่หลอกด่าเขามาหลายรอบของแสงแรก คนที่แทบจะกลายเป็นฤๅษีไม่ยุ่งเกี่ยวกับสีกาก็ตอบกลับมายิ้มๆ
“โค้ชจริงเขาไม่ลงสนามกันหรอก”
ไม่รู้ทำไม อัตรคุปต์ถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของคู่แฝดดูไร้ประโยชน์มากกว่าจะมีประโยชน์
ถึงแม้ชีวิตนี้ของนิสรีนจะถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นนางร้าย ทว่ากลับเป็นตลกร้ายรอบที่เท่าไรไม่รู้เมื่อ ‘นักเขียน’ ที่สร้างเธอมาเป็นนางร้ายกลับมอบอาชีพนักแสดงในฐานะนางเอกให้กับเธอ
ริมฝีปากรูปกระจับเหยียดยิ้ม ดวงตาแฝงรอยเย้ยหยัน
ก็นะ เวลาภาพลักษณ์นางเอกละครชื่อดังของนางร้ายอย่างเธอถูกฉีกกระชากจนชีวิตย่อยยับคงทำให้นักอ่านที่เป็นทีมนางเอกตัวจริงสะใจได้มากกว่าเดิม
“ถ่ายอีกฉากเดียววันนี้ก็เสร็จแล้วนีซ” เจนสุดาเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเธอผู้กลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเดินเข้ามาบอกพร้อมชานมไข่มุกร้านดัง
“อือ” นิสรีนพยักหน้า ยื่นมือไปรับแก้วซึ่งถูกเจาะเสียบหลอดพร้อมดื่มขึ้นมาดูดก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดมุ่น ดวงตาสวยเฉี่ยวละจากบทละครในไอแพดเหลือบขึ้นมองผู้จัดการซึ่งกำลังจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ
เจนสุดาซึ่งคุ้นชินกับสายตาของนักแสดงในความดูแลสะดุ้งลุกพรวด รอยยิ้มจืดเจื่อนปรากฏบนดวงหน้า คาดเดาได้เลยว่าหล่อนคงทำบางอย่างผิดไป
“นีซ…มีอะไรรึเปล่า”
นิสรีนจ้องหน้าอีกฝ่าย แม้พยายามเตือนตัวเองให้สะกดกลั้นเอาไว้ แต่ความไม่พอใจกลับฉายชัดผ่านแววตา ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีระเรื่อขยับ น้ำเสียงแข็งกระด้างหลุดออกมาอย่างรวดเร็ว
“กี่เปอร์เซ็นต์”
“ฮะ?” ผู้จัดการส่วนตัวกะพริบตา สีหน้างุนงง เป็นเหตุให้คนมองหงุดหงิดกว่าเดิม มือเรียวบีบแก้วพลาสติกจนชานมบางส่วนไหลทะลักออกมาเลอะมือตัวเอง ซึ่งทำให้เจ้าสาวคนสวยประจำวันนี้ยิ่งโมโหมากขึ้น ทว่าก่อนที่จะปาแก้วในมือใส่หน้าคนที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้จัดการเหมือนทุกครั้ง นิสรีนกลับชะงัก เธอหลับตาลง พยายามตั้งสติ ย้ำเตือนตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย
พอ นีซ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงจุดจบบัดซบนั่น…ไม่ใช่แค่เรื่องพี่คุปต์ แต่เธอต้องเปลี่ยนนิสัยด้วย
นิสรีนรู้ดีว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้นางร้ายอย่างเธอพบจุดจบแบบนั้นไม่ใช่แค่เรื่องไม่ยอมปล่อยมือจากพระเอกของเกมกุหลาบอย่างเดียว แต่เป็นเพราะนิสัยร้ายๆ หลายอย่างของเธอเองด้วย
อาจเพราะเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนนิสัยซึ่งกลายเป็นสันดานติดตัวไปแล้วเสียใหม่ หญิงสาวจึงต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าของผู้จัดการส่วนตัวซีดขาว มือสองข้างบีบไปมาด้วยท่าทางหวาดกลัว
เพราะแบบนี้สินะ…ตอนได้เจอกับนางเอกผู้แสนดี หล่อนถึงได้เทนางร้ายอย่างเธอทิ้งแบบไม่ไยดี
นางร้ายของโลกใบนี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะกรีดร้องด่าทอการทรยศหักหลังที่ถูกขีดเขียนไว้ในบท แต่ตอนนี้ที่เธอ ‘ตาสว่าง’ มากพอ นิสรีนก็รู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเธอเอง
ถ้าเธอไม่ใช้เจนสุดาเป็นที่รองรับอารมณ์ เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมหา’ลัยก็คงไม่ทิ้งกันไปอย่างง่ายดายขนาดนั้นหรอก
“…ฉันกินชานมไข่มุกแค่เดือนละครั้ง” น้ำเสียงที่พยายามปรับให้อ่อนลงแล้วแต่ก็คงห้วนจัดในความรู้สึกคนฟังดังขึ้น “ดังนั้นฉันเลยอนุญาตให้ตัวเองกินชานมไข่มุกที่หวานปกติ” แก้วพลาสติกเจ้าปัญหาถูกวางลงบนโต๊ะข้างตัวด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบานักจนเจนสุดาสะดุ้งโหยง
ตะกี้เธอไม่ได้ตั้งใจจะกระแทกซะหน่อย!
ยิ่งคิดว่าพยายามแค่ไหนเธอก็ยังหนีไม่พ้นพฤติกรรมนางร้าย นิสรีนก็ยิ่งหงุดหงิด หญิงสาวคว้าทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดมือ ตั้งสติอย่างมากก่อนจะพูดต่อจนจบประโยค
“แต่ที่เธอซื้อมามันคงหวานไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ”
“นีซ! ฉันขอโทษ! เดี๋ยวฉัน…ไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้เลย” ร่างเล็กในชุดสูทลำลองสีครีมหันรีหันขวางทำท่าจะคว้ากระเป๋าออกไปซื้อแก้วใหม่มาให้ หล่อนรู้ดีว่าเพื่อรักษารูปร่างให้ดูดีตามมาตรฐานความงามของคนไทย นิสรีนเคร่งครัดเรื่องอาหารมากขนาดไหน ขนาดชานมไข่มุกที่นับว่าเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดยังอดใจกินแค่เดือนละครั้ง และครั้งเดียวในรอบหนึ่งเดือนที่ได้กิน…กลับมีรสชาติไม่อร่อยถูกปากอย่างที่หวัง
ถ้านิสรีนโมโหจนสาดชานมไข่มุกหวานยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ใส่หน้า หล่อนก็จะไม่แปลกใจเลยสักนิด
“ไม่ต้อง” นางเอกสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้นิ่งที่สุด…ทว่ามันกลับกลายเป็นน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาแทน “อีกเดี๋ยวฉันต้องเข้าฉากแล้ว รอเธอกลับมาคงไม่ทัน”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกผู้กำกับให้เริ่มถ่ายฉากต่อไปช้าอีกหน่อยมั้ย ให้เธอกินชานมก่อนจะได้อารมณ์ดี…”
เป็นอีกครั้งที่ผู้จัดการคนเก่งต้องหุบปากฉับเพราะสายตาที่มองมา ร่างระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์กอดอก วงหน้าสวยเชิดขึ้นหรี่ตามองหล่อนด้วยสายตาตำหนิ
“เธอจะให้ฉันทำให้ทั้งกองต้องเลตงั้นเหรอ” นิสรีนแค่นหัวเราะ “เดี๋ยวก็มีข่าวซุบซิบออกไปอีกพอดี”
ถึงสุดท้ายเรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยอำนาจเงินของคุณลุงก็เถอะ
หญิงสาวส่ายหน้า บิดขี้เกียจขับไล่ความเมื่อยล้าเสร็จก็ก้าวขาไปยังโบสถ์ที่บ่าวสาวในชีวิตจริงหลายคู่เลือกใช้ประกอบพิธีสมรส
เจนสุดามองตามแผ่นหลังบอบบางด้วยความมึนงง หลุดพึมพำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“แต่ปกติ…เธอก็ทำแบบนั้นมาตลอดไม่ใช่เหรอ”
การปล่อยให้คนทั้งกองถ่ายละครต้องรอด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ประเภท ‘อากาศร้อนเกินไป ไม่มีอารมณ์จะถ่าย’ ‘พี่คุปต์ยังไม่รับสาย ยังไม่อยากถ่าย’ ‘กาแฟแก้วนี้ไม่อร่อย ไม่ถ่ายจนกว่าจะได้กินแก้วใหม่’ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเสียหน่อย
ถ้าไม่ใช่เพราะนิสรีนสวย ฝีมือการเล่นละครก็ดีมาก เข้าถึงบทบาทได้ราวกับเป็นตัวละครนั้นจริงๆ มีฐานะชาติตระกูลที่ร่ำรวยคอยหนุนหลัง รวมถึงพลังของแฟนคลับที่ตามืดบอดมองว่านางเอกสาวเป็นกุหลาบขาวผู้งดงามไม่ใช่กุหลาบอาบยาพิษอย่างในความเป็นจริง เชื่อได้เลยว่าหญิงสาวคงถูกเขี่ยออกจากวงการบันเทิงไปนานแล้ว
ไม่ใช่ตกเป็นแค่หัวข้อสนทนาซุบซิบนินทาของคนเบื้องหลัง หรือมีข่าวก๊อสซิปหลุดลอดออกไปแต่ไม่มีใครเชื่อแบบทุกวันนี้