LOVE
ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 6-บทที่ 7
สิ้นเสียงสั่งคัตสิ่งแรกที่นิสรีนมองเห็นไม่ใช่พระเอกผู้กล่าวคำสาบานรักกันไปเมื่อครู่ ทว่าเป็นพระเอกตัวจริงของโลกใบนี้ อดีตคนรักของเธอ…อัตรคุปต์ มหัสวัต
คิ้วซึ่งถูกแต่งแต้มจนสวยรับกับดวงตาเลิกขึ้น หัวใจเผลอเต้นกระหน่ำแรงเพราะใบหน้าหล่อเหลาของคนที่หายหน้าไปร่วมสัปดาห์อย่างแสนคิดถึง
ทั้งที่เธอเป็นคนเอ่ยปากขอเวลาส่วนตัวก่อนแท้ๆ แต่พออัตรคุปต์หายหน้าหายตาไปโดยไม่ติดต่อกลับมาจริงๆ คนที่หงุดหงิดกระวนกระวายก็ยังคงเป็นเธอเอง
นี่สินะที่เรียกว่า ‘ใครรักมากกว่าคนนั้นแพ้’
ระหว่างที่กำลังลังเลต่อสู้กับตัวเองว่าจะก้าวเข้าไปหาผู้ชายซึ่งยืนหน้าตึงจัดดีไหม แล้วถ้าเข้าไปจะเข้าไปด้วยสีหน้าท่าทางแบบไหน หรือเดินหนีไปอีกทางดีกว่า อัตรคุปต์ก็ไม่ให้เธอต้องเสียเวลาคิดอีกเมื่อร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาพร้อมกับชานมไข่มุกแบรนด์โปรดในมือ
“เหนื่อยมั้ย”
แม้วงหน้าหล่อเหลายังดูเย็นชาเจือหงุดหงิด น้ำเสียงที่ใช้พูดก็ไม่ได้อ่อนโยนอ่อนหวานอย่างที่ ‘โค้ช’ ไกด์มา ทว่าหากเทียบกับปกติที่แทบจะไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความอาทรให้กันแล้ว นิสรีนก็ถึงกับต้องช้อนตาขึ้นมองอดีตคนรัก เพราะคำถามที่มาพร้อมความห่วงใยปลุกให้เรื่องในอดีตลอยฟุ้งอยู่ในหัว
ปกติ…มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นฝ่ายถามไถ่เขา ไม่เคยมีสักครั้งที่ชายหนุ่มจะถามกลับ และเวลาตอบเธอแต่ละครั้งก็เหมือนแค่ตอบอย่างขอไปทีด้วยท่าทางรำคาญใจ
เพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาจากทุกสารทิศ นิสรีนที่ไม่อยากหักหน้าอดีตคนรักจึงเลือกที่จะยิ้มบางๆ พลางเอ่ยถามกลับเสียงเบา
“พี่คุปต์มาได้ไงเนี่ย”
สมัยยังคบกันมีอยู่เป็นร้อยเป็นพันครั้งที่นิสรีนออดอ้อนจนแทบจะกลายเป็นอ้อนวอนให้เขามาหาที่กองถ่ายสักครั้ง ทว่าอัตรคุปต์ไม่เคยตอบรับเลยสักหนเดียว
แต่วันนี้อยู่ดีๆ เขาก็มาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชานมไข่มุกแบรนด์โปรด
“พี่รู้มาว่าวันนี้นีซมีถ่ายละครที่นี่ถึงเย็น เลยส่งฟู้ดซัพพอร์ตมาให้น่ะ”
“ฟู้ด…ซัพพอร์ต?” นิสรีนทวนคำ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักรถฟู้ดทรักที่บรรจุอาหารสารพัดอย่างซึ่งบรรดาแฟนคลับมักจะส่งมาให้ศิลปินและทีมงานที่กองถ่ายได้กินกัน และไม่ใช่ว่าที่รู้จักเพราะเคยได้รับมันมาก่อน…แต่หญิงสาวเคยเห็นมันจากในซีรี่ส์และข่าวสารจากประเทศเกาหลีใต้ จึงทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าอดีตคนรักน่าจะไม่รู้จักมัน
อ้อ คงจะรู้มาจากพี่ชายน์
คิดถึงหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาที่จากบ้านเกิดไปเดบิวต์เป็นศิลปินอยู่แดนกิมจิมาหลายปี นิสรีนก็ถึงบางอ้อ พอกวาดตามองหาก็เห็นรถฟู้ดทรักซึ่งมีรูปหน้าเธอแปะอยู่จอดไม่ใกล้ไม่ไกลนัก และสิ่งที่กำลังถูกแจกจ่ายให้กับบรรดาทีมงานทั้งกองถ่ายก็คือชานมไข่มุกแบรนด์เดียวกับที่อัตรคุปต์ถืออยู่ในมือ
“ชานมไข่มุกหวานปกติ”
แก้วเครื่องดื่มถูกเขย่าเบาๆ เป็นสัญญาณบอกให้เธอรับมันไปดื่ม นิสรีนที่เมื่อบ่ายยังหงุดหงิดเพราะชานมไข่มุกไม่อร่อยจึงรับมันมาอย่างไม่เกี่ยงงอน รสชาติหวานอมขมแสนคุ้นเคยกับไข่มุกเหนียวหนึบกำลังดีช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการทำงานลงได้…โดยเฉพาะเมื่อมันมาจากผู้ชายที่เธอยังรักอยู่
แม้จะพยายามกดข่มความรู้สึกที่มีต่ออัตรคุปต์ลงไป ทว่าดวงหน้าสวยเฉี่ยวยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายจนคนมองใจชื้น น้ำเสียงที่ใช้ตอบเขาก็ดีขึ้นมาก
“ขอบคุณนะคะ”
“อือ” มือที่เคยถือแก้วชานมไข่มุกสอดเข้ากระเป๋า นัยน์ตาคมดุกวาดมองวงหน้าสวยเฉี่ยวซึ่งวันนี้ถูกแต่งแต้มจนงดงามมากกว่าเดิม แม้จะยอมรับและชื่นชมทีมคอสตูมที่สามารถเนรมิตนิสรีนให้กลายเป็นเจ้าสาวคนสวยได้ แต่อีกใจก็นึกหงุดหงิดที่ครั้งแรกของการสวมชุดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในพิธีสมรสหรือแม้แต่การถ่ายพรีเว็ดดิ้งของพวกเขา นั่นทำให้อัตรคุปต์เผลอหลุดปากออกไปเสียงห้วน “วันแต่งเรานีซต้องสวยกว่านี้แน่นอน”
คำประกาศพร้อมประกายตาแวววาวของอดีตคนรักทำให้นางเอกสาวใบหน้าร้อนวูบ กระนั้นก็อดสวนกลับเสียงหยันไปไม่ได้
“ถ้ามีวันนั้นนะคะ”
นิสรีนยังไม่ลืมและคงจะลืมไม่ได้แน่ๆ ว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องล้มเลิกความตั้งใจจะสวมชุดเจ้าสาวครั้งแรกเพื่อเข้าประตูวิวาห์กับเขา
ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาแต่เลื่อนงานแต่งของพวกเธอออกไป…
“นีซ” อัตรคุปต์เรียกชื่อเธอเสียงเบา ความรู้สึกผิดฉายชัดในดวงตาคมดุ
เรื่องที่จบไปแล้วยิ่งคิดยิ่งหยิบมาพูดก็ยิ่งบั่นทอน นางเอกผู้สวมบทบาทเจ้าสาวในวันนี้จึงถอนหายใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“นอกจากส่งฟู้ดซัพพอร์ตแล้วมีอะไรอีกรึเปล่าคะ”
ความห่างเหินในน้ำเสียงทำเอาคนฟังใจกระตุก แต่พอคิดได้ว่าก่อนหน้านี้คนที่เคยได้รับมันมาตลอดคือนิสรีน ชายหนุ่มผู้ถูกเพื่อนนิยามว่า ‘ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างไอ้โบ้’ จึงเชิดหน้าส่งรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยมนตร์เสน่ห์หวังล่อลวงใจให้เธอกลับมารักกันอีกครั้ง มือหนายื่นออกไปรอขณะเอ่ยปาก
“พี่มารอรับนีซกลับบ้านด้วยไง”
“กลับบ้าน?” หลังนิ่งไปอึดใจหญิงสาวก็ยกมือขึ้นกอดอกทั้งๆ ที่ยังถือแก้วชานมไข่มุกอยู่ เธอเอียงคอถามด้วยสีหน้าสงสัย “บ้านนีซ…หรือบ้านพี่คุปต์?”
“แล้วถ้าพี่บอกว่าบ้านเราล่ะ”
“หึ ที่แบบนั้นมันมีที่ไหนกัน” นิสรีนแค่นหัวเราะ โคลงศีรษะคล้ายไม่ยอมรับทั้งที่แววตาอ่อนแสงลง ทำให้คนมองอย่างอัตรคุปต์ใจชื้นขึ้น
“นีซก็รู้ว่ามันมีอยู่แล้ว บ้านของเราน่ะ” เขาย้ำชัด แววตาหนักแน่น แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายยอมลงให้เธอก่อนอย่างที่รู้ดีว่านับจากนี้…
…มันคงเป็นแบบนั้นตลอดไป
“แต่เอาเถอะ ถ้าวันนี้นีซอยากกลับบ้านตัวเองพี่ก็จะไปส่ง…หลังจากเรากินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว”
“กินข้าวเย็น?” นิสรีนทวนคำ “พี่คุปต์ก็รู้ว่าปกตินีซไม่กินข้าวเย็น”
“ยกเว้นกินกับพี่” คนเคยเป็นข้อยกเว้นของทุกสิ่งรีบแย้ง
แม้จะเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แต่นิสรีนก็ยอมรับว่าเขาพูดถูก เธอเลยแสร้งครุ่นคิดก่อนจะตอบ
“ก็ได้ กินข้าวเย็นด้วยกันน่ะได้อยู่ เพราะนีซก็ว่าจะเลิกคุมอาหารแล้ว แต่นีซมีนัดนวดตัวแล้วอะ พี่คุปต์จะรอได้เหรอ”
“นวด?” รอยยิ้มของชายหนุ่มชะงักค้าง นัยน์ตาสีเข้มกลอกไปมา
“อื้อ นวด” หญิงสาวพยักหน้ารับ “นีซถ่ายละครติดๆ กันมาตั้งหลายวัน ปวดเมื่อยจะแย่ เลยให้เจนจองสปาไว้ให้แล้วน่ะ” ประโยคหลังนัยน์ตาสวยเฉี่ยวปรายมองไปยังผู้จัดการส่วนตัวที่เดินเข้ามาพอดี ทำให้เจนสุดาเผลอทำหน้าเหวอออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
ว่านิสรีน ‘สั่ง’ ให้หล่อนไปจองร้านสปาที่ใช้บริการเป็นประจำเดี๋ยวนี้
ถ้าหากผู้จัดการส่วนตัวอย่างเจนสุดายังเข้าใจ มีหรือที่อัตรคุปต์จะมองไม่ออก เพราะถึงจะดูเย็นชาไม่ใส่ใจอย่างไร ทว่าเจ็ดปีมานี้ชายหนุ่มก็เฝ้ามองกุหลาบดอกนี้มาตลอด เขาจึงพยักหน้ารับพร้อมออกคำสั่งเพิ่มเติม
“จองสองคิวเลย เดี๋ยวฉันจะนวดรอนีซ”
ประโยคนั้นไม่เพียงแต่ทำให้คนที่ต้องรีบไปจองร้านสปาชื่อดังอย่างเร่งด่วนตกใจ กระทั่งหญิงสาวที่อยู่ดีๆ ก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวอยากนวดกะทันหันเองก็เช่นกัน
เขาเกลียดการให้ใครก็ไม่รู้มาถูกเนื้อต้องตัวที่สุดไม่ใช่หรือ
ราวกับรู้ว่านิสรีนกำลังคิดอะไร ร่างสูงใหญ่จึงโน้มตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ กระซิบบอกด้วยแววตาเป็นประกาย
“ไม่ใช่แค่นีซคนเดียวหรอกนะที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พี่ก็เหมือนกัน”
ผิดกันแค่นิสรีนเปลี่ยนนิสัยเพื่อให้ตัวเองยังมีชีวิตรอดต่อไป ส่วนเขา…เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ยังมีเธออยู่ด้วยกันตลอดไป
อ่า…
นาทีนั้นอัตรคุปต์ตระหนักรู้ได้ทันทีว่า
ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นไอ้โบ้อย่างที่ไอ้ชายน์ว่าไม่มีผิด