LOVE
ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 8-บทที่ 9
บทที่ 8 อ้อน
ท้ายที่สุดแล้ววันนั้นพวกเธอก็ไม่รู้ว่าคุณราเชนตั้งใจนัดอัตรคุปต์มาคุยเรื่องอะไร เพราะหลังจากเขามาถึงคฤหาสน์อัศมาลย์ได้ราวครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มก็ได้รับโทรศัพท์จากเลขาฯ ของท่านว่าคุณราเชนติดธุระด่วนมาไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าอัตรคุปต์ที่ใช้นัดหมายนั้นเป็นข้ออ้างมาหาคนรักไม่ได้ติดขัดหรือรู้สึกเสียเที่ยวแต่อย่างใด เขายังยินดีร่วมมื้ออาหารเย็นกับคุณกมลมาศและนิสรีนต่อ ไม่ได้มีทีท่าหงุดหงิดเหมือนหลายครั้งที่หญิงสาวเคยใช้ชื่อผู้เป็นลุงมาอ้าง กลับเป็นมาดามอัศมาลย์ที่นั่งหน้าตึงจัดอยู่ตรงหัวโต๊ะ ซึ่งหลานสาวเพียงคนเดียวมองออกว่าภายใต้ท่าทางเย็นชานั้นป้าสะใภ้กำลังเสียใจอยู่
นานแค่ไหนแล้วนะที่พวกเธอไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้ากัน ไม่แม้แต่จะเห็นคุณราเชนที่บ้านหลังนี้
นิสรีนนิ่งคิด ตั้งแต่เล็กเธอพบว่าผู้เป็นลุงไม่ค่อยอยู่ติดบ้านนัก ท่านมักจะออกเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ โดยอ้างว่ากำลังหาที่ดินเหมาะๆ เพื่อขยายอาณาจักร MA Property จนทุกวันนี้มีหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมของ MA Property อยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ
ก่อนหน้านี้หญิงสาวเคยคิดว่าคุณราเชนเดินทางเพื่อไปทำธุรกิจ พอโตขึ้นมาหน่อยก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับป้าสะใภ้ไม่ค่อยดีนัก จนเมื่อสามปีก่อนคุณราเชนย้ายออกไปอยู่เพนต์เฮ้าส์ส่วนตัวใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบริษัท เธอก็เข้าใจว่าท่านต้องการสร้างระยะห่างกับภรรยา แต่พอวันที่เกิดอุบัติเหตุจนรับรู้เรื่องราวของเกมกุหลาบ นิสรีนก็เดาได้ว่าแท้จริงแล้วการเดินทางของคุณราเชนยังแฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งบางอย่าง
นั่นก็คือการตามหาภรรยานอกกฎหมายที่ท่านรักแสนรัก
ริมฝีปากรูปกระจับกระตุกยิ้มอย่างปราศจากความหมาย
แต่คุณราเชนไม่มีทางรู้หรอกว่าคนที่ท่านตามหา บางทีอาจอยู่ใกล้เพียงปลายขนตา และก็ไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวอย่างที่คิด
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นนิสรีนพลันนึกอะไรอีกอย่างออก บางทีนอกจากการเริ่มลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินส่วนตัว เธออาจต้องลงมือทำอีกเรื่องด้วย
คนโบราณมีคำว่าอะไรนะ ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ ใช่ไหม
“คุณนีซใช้บริการนักสืบครับ”
รายงานจาก ‘วาริธร’ เลขาฯ ส่วนตัวควบตำแหน่งรุ่นน้องคนสนิททำให้อัตรคุปต์หรี่ตา นิ่งคิดเพียงครู่เดียวก็ผงกศีรษะ รับรู้ได้ทันทีว่าคนรักกำลังจะทำอะไร
“จัดการให้นีซด้วย”
นั่นหมายถึงทำอย่างไรก็ได้ให้นิสรีนได้รับข้อมูลและการบริการที่ดีที่สุด
“ครับ” วาริธรพยักหน้า เอ่ยถามเพื่อความรอบคอบ “แล้วต้องให้ทีมนักสืบส่งรายงานมาทางนี้ด้วยมั้ยครับ”
คราวนี้อัตรคุปต์คิดนานกว่าเก่า ลังเลระหว่างปล่อยให้คนรักลุยเดี่ยวเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้น หรือรับรู้ข้อมูลด้วยเพื่อหาทางช่วยเหลือเธออีกทาง สุดท้ายก็ผงกศีรษะอีกรอบ
“อือ ส่งมาด้วยแล้วกัน”
“ครับ”
“แล้วทางนีซตอนนี้เป็นไงมั่ง”
“สถานการณ์โดยรวมไม่มีอะไรครับ แต่ดูเหมือนนักแสดงใหม่ที่ชื่อลลิตาจะไม่ชอบคุณนีซ คอยพูดจายั่วโมโหอยู่หลายครั้ง” ที่น่าแปลกก็คือแม้จะดูหงุดหงิดมากแค่ไหน แต่นิสรีนก็ไม่ได้อาละวาดออกไปเหมือนทุกครั้ง
แต่เพราะคนที่แปลกไปไม่ได้มีแค่นางเอกสาว เจ้านายของเขาเองก็แปลกไปมาก วาริธรเลยไม่กล้าเอ่ยประโยคนั้นออกไป
“คอยจับตาดูเอาไว้”
คนที่หวังโค่นล้มตำแหน่งนางเอกยอดนิยมขวัญใจประชาชนของนิสรีนมีไม่น้อยเลยจริงๆ อัตรคุปต์จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตลอดหกปีที่หญิงสาวอยู่ในวงการบันเทิง เขาต้องจัดการคนประเภทนี้ไปกี่คนแล้ว และแน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องที่คนรักไม่เคยรู้มาก่อน
ไม่งั้น ในสายตาเธอ เขาคงไม่ใช่แฟนหนุ่มผู้แสนเย็นชาซึ่งไม่เคยรักเธอเลยแบบนั้น
“อีกเรื่องครับ” วาริธรเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ ดวงตาเรียวภายใต้กรอบแว่นสีเงินดูเคร่งเครียดขึ้น “เรื่องเจนสุดา ผมว่า…มีปัญหาจริงๆ”
กะแล้ว
นัยน์ตาคมดุสว่างวาบเมื่อพบว่าลางสังหรณ์ของตนไม่ผิดพลาด
เพราะหลายปีมานี้เจนสุดาดูเป็นผู้จัดการมืออาชีพที่คอยดูแลตารางงานและรองรับอารมณ์ของนิสรีนได้อย่างน่าชื่นชม เขาจึงปล่อยให้หล่อนอยู่ข้างกายคนรัก แต่ยิ่งนับวันสายตาที่หญิงสาวใช้มองเขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น อัตรคุปต์ซึ่งสงสัยในความจริงใจที่หล่อนมีต่อนิสรีนจึงให้คนของตนคอยตามสืบ
เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเรื่องผิดพลาดที่เขาทำไว้ เพราะหากพิจารณาดูแล้ว ข่าวลือด้านลบของนิสรีนคงไม่พ้นหลุดมาจากคนใกล้ตัวอย่างเจนสุดา
แต่จะโทษหญิงสาวฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก อัตรคุปต์ยอมรับว่าคนรักของเขาเองก็นิสัยเสียทำอะไรไม่เห็นหัวคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงกระนั้น…สัญชาตญาณมนุษย์ก็มักจะเลือกปกป้องคนของตัวเองก่อนเสมอ ชายหนุ่มจึงไม่ลังเลขณะออกคำสั่ง
“หาคนใหม่ไว้ด้วย”
“ครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปพักเถอะ ใกล้พักเที่ยงแล้ว” ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มยังโยนแฟ้มเอกสารที่อ่านและเซ็นชื่อเรียบร้อยลงบนโต๊ะ ร่างสูงใหญ่ขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน กลัดกระดุมเสื้อสูทให้เข้าที่เป็นสัญญาณว่าเขาเองก็กำลังจะออกไปพักเช่นกัน ทำให้วาริธรต้องส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“ครับ?”
หางตาเรียวเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือซ้าย
สิบโมงครึ่ง? ใกล้พักเที่ยง? บริษัทเขาไม่ได้พักกลางวันตอนเที่ยงตรงหรอกหรือ
หางเสียงที่สูงขึ้นเพียงนิดของเลขาฯ คนสนิททำให้อัตรคุปต์กระตุกยิ้ม ขณะเดินผ่านร่างของวาริธรก็ตบบ่าอีกฝ่ายหนักๆ สองสามครั้ง ปลดหน้ากากเจ้านายออกเหลือไว้เพียงรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาหลายปี
“ฉันบอกว่าพักเที่ยงก็คือพักเที่ยง งานช่วงเช้าฉันเคลียร์เสร็จหมดแล้ว แกก็ไปพักซะไป บ่ายโมงครึ่งค่อยกลับมาใหม่ เข้าใจนะ”
หลังจ้องหน้ารุ่นน้องจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจ ชายหนุ่มก็ผงกศีรษะให้ทีหนึ่งก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องทำงาน จุดหมายปลายทางแรกของเขาคือรถสปอร์ตคันหรูซึ่งจอดอยู่ตรงลานจอดรถสำหรับผู้บริหาร ส่วนจุดหมายถัดไปนั้น…
ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้ม นัยน์ตาคมดุเป็นประกาย
ย่อมต้องเป็นที่ที่นิสรีนอยู่ตอนนี้!