LOVE
ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 8-บทที่ 9
“กินข้าวกันก่อน”
เพราะใจยังหมกมุ่นอยู่กับไอเดียที่พลุ่งพล่านในหัว ประกอบกับความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องหิ้วท้องจนเลยมื้อกลางวัน ซ้ำอาหารที่ดั้นด้นไปกินยังรสชาติไม่ถูกปากอีก นิสรีนจึงเพียงผงกศีรษะรับ สองตาเอาแต่จับจ้องไปยังหน้าจอสมาร์ตโฟนของตน กว่าจะรู้ตัวว่าที่ที่พาหนะคันหรูเข้าไปจอดไม่ใช่ร้านอาหารทว่าเป็นลานจอดรถอันคุ้นตาก็ตอนที่รถจอดสนิท
“มาทำไมที่นี่” นัยน์ตาสวยเฉี่ยวหรี่มองวงหน้าหล่อเหลานิ่ง ร่างระหงเกร็งขึ้นเมื่อได้มาเยือนที่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมานับครั้งไม่ถ้วน
เพนต์เฮ้าส์ของอัตรคุปต์
“กินข้าวไง” ชายหนุ่มไหวไหล่แล้วตอบเสียงเรียบ มือหนาจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนจะนิ่วหน้าเพราะสายตาหวาดระแวงของคนรัก “นี่ อย่าทำหน้าแบบนั้น พี่แค่พามากินข้าวเฉยๆ ไม่ได้หลอกมาทำอะไรสักหน่อย”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” นิสรีนอุบอิบ รู้ดีว่าเธอไม่ได้กลัวอัตรคุปต์ แต่กลัวความรู้สึกของตัวเองยามได้มาเยือนสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหลังระหว่างกัน “แต่เพนต์เฮ้าส์พี่คุปต์มีอะไรให้กินหรือไง”
“มีสิ” เจ้าของเพนต์เฮ้าส์ราคาเก้าหลักพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังยามชี้ปลายนิ้วเข้าหาตัวเอง “พี่ไง”
“…”
“อร่อยมากด้วย นีซน่าจะรู้ดีนะ…เคยกินออกจะบ่อย”
คำพูดแฝงความนัยด้วยสีหน้าจริงจังไม่รู้ร้อนรู้หนาวของชายหนุ่มทำเอาคนฟังหน้าแดงเรื่อ นิสรีนยกมือขึ้นถูไถใบหน้า พยายามขับไล่ความร้อนวูบวาบบนผิวแก้มและความรู้สึกไหววูบออกไป ท้ายที่สุดก็ยังคงพึมพำคำเดิมด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“พี่คุปต์หยุด OOC เถอะ”
แต่คงเพราะเธอไม่ได้แปลให้อัตรคุปต์เข้าใจสักทีว่า OOC หมายถึงอะไร ชายหนุ่มถึงได้ขยันทำตัวตรงข้ามกับคาแร็กเตอร์ที่ถูกวางเอาไว้ ความคลั่งรัก แสนดี ช่างเอาใจใส่ที่ควรเก็บไว้มอบให้นางเอกตัวจริงตอนเขากลายเป็นไอ้โบ้ บัดนี้ถูกงัดมาใช้กับนางร้ายอย่างเธอจนหมดสิ้น
เมื่อเข้ามาถึงภายในเพนต์เฮ้าส์ ดวงตาสวยเฉี่ยวเบิกกว้าง มองอาหารซึ่งถูกจัดวางพร้อมรับประทานบนโต๊ะอาหารตัวใหญ่ อดเอ่ยแซวเจ้าของบ้านไม่ได้
“นึกว่าพี่คุปต์จะทำอาหารให้นีซกินซะอีก”
ร่างสูงใหญ่ซึ่งเดินนำไปสำรวจอาหารบนโต๊ะที่ถูกสั่งซื้อและนำมาส่งโดยวาริธรพยักหน้าอย่างพึงพอใจในผลงานของเลขาฯ ส่วนตัวผู้คล้ายจะทำทุกหน้าที่ไปในตัว นัยน์ตาคมเหลือบมองวงหน้าสวย กระตุกยิ้มบอก
“ถ้ารอพี่ทำจริงๆ เธอคงจะไม่ได้กิน”
เพราะเขาทำอาหารไม่เป็น ไม่สิ ไม่ใช่แค่อัตรคุปต์ แต่นิสรีนก็เช่นกัน
พวกเธอต่างสุ่มกาชาลงถูกท้องเลยคาบช้อนทองคำฝังเพชรมาเกิด ตั้งแต่เล็กจนโตแทบไม่เคยต้องทำอะไรเองสักอย่าง อยากกินอะไรแค่อ้าปากบอก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือแม่ครัวประจำบ้านหรือจากภัตตาคารขึ้นชื่อทั้งหลายก็ล้วนถูกส่งมาถึงตรงหน้า ทั้งเขาและเธอจึงไม่มีใครทำเป็นแม้กระทั่งอาหารง่ายๆ อย่างไข่เจียว
เมื่อรายละเอียดหนึ่งของเกมกุหลาบปรากฏวาบขึ้นในหัว นิสรีนก็แค่นยิ้มหยัน นัยน์ตาว่างเปล่า
เพราะแบบนั้นแหละ นางเอกตัวจริงผู้รักการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจและคอยดูแลทั้งงานบ้านงานครัวถึงคว้าหัวใจอัตรคุปต์ไปครองได้
หญิงสาวเลือกจะเบนสายตามองอาหารบนโต๊ะซึ่งล้วนแต่เป็นของโปรดที่เธอมั่นใจว่าถูกสั่งมาจากร้านเจ้าประจำ นิสรีนหย่อนกระเป๋าลงบนโซฟาสีเข้มซึ่งต่ำกว่าระดับพื้นปกติจนขอบพนักโซฟาสูงเสมอพื้นห้อง ก่อนแกล้งพูด
“แล้วถ้านีซบอกว่าอยากกินฝีมือพี่คุปต์ล่ะ”
ชายหนุ่มหันกลับมามองวงหน้าสวย ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาแล้วหยุดจนระยะห่างระหว่างกันเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด จึงทันเห็นความรู้สึกที่ยังลบไปไม่หมดจากดวงตา
ประกายเย้ยหยันเศร้าหมองแบบนั้น บอกชัดว่านิสรีนกำลังคิดถึงเรื่องราวที่ถูกลิขิตไว้
เพื่อปลอบโยนและย้ำเตือนให้รู้ว่าเธอคือคนเดียวที่เขารัก อัตรคุปต์ระบายยิ้ม ใช้มือประคองวงหน้าสวย โน้มตัวลงทำท่าจะจูบกลีบปากนุ่มตามความเคยชิน แต่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ริมฝีปากหนาจึงเลื่อนขึ้นไปประทับกึ่งกลางหน้าผากแทน และอดีตคู่หมั้นที่เคยคบกันมาเกือบสิบปีก็เพิ่งรู้ในตอนนี้…ว่าการจูบหน้าผากก็ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ทั้งอบอุ่นและชวนให้หวั่นไหวขนาดนี้ได้เหมือนกัน
“ถ้านีซจะกิน พี่ก็จะลองทำดู” ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่มกว่าปกติ เช่นเดียวกับแววตาที่บ่งบอกความรู้สึกชัดเจนอย่างไร้การปิดบัง แต่ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะผละไป นิสรีนก็คว้าท่อนแขนแข็งแรงเอาไว้
“ไม่ต้อง” น้ำเสียงเธอสั่นพร่า หญิงสาวสูดหายใจลึก พยายามควบคุมทั้งจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวและความรู้สึกที่กำลังแผ่ซ่านไปทั้งอก “นีซจะกลับแล้ว”
ทั้งที่เมื่อครู่เธอเป็นคนเอ่ยปากขอให้เขาทำอาหารให้กิน แต่พออัตรคุปต์บอกจะลงมือทำให้จริงๆ นิสรีนกลับไม่กล้าอยู่ต่อ
ไม่ใช่เพราะกลัวรสมือของเขาจะกินไม่ได้ แต่เธอกลัวความรู้สึกหวั่นไหวที่กำลังเหยียดขยายอยู่ในอกต่างหาก
ร่างระหงก้มลงไปคว้ากระเป๋าสานใบโตที่เพิ่งถูกวางลงไปไม่นานขึ้นมาถือ ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มฝืดเฝื่อนระคนรู้สึกผิด
“ขอโทษนะพี่คุปต์ แต่นีซต้องกลับแล้วจริงๆ”
เธอต้องกลับไป ต้องรีบไปจากที่นี่…
…ก่อนที่จะหันหลังหนีไปจากเขาไม่ได้อีกตลอดกาล
“เดี๋ยว”
เป็นอัตรคุปต์บ้างที่คว้าท่อนแขนเรียวไว้ เดิมทีเขาทั้งงุนงงและกรุ่นโกรธกับปฏิกิริยาของหญิงสาวที่อยู่ดีๆ ก็จะทิ้งกันไป แต่เมื่อได้สบตาสีน้ำตาลสวยเฉี่ยวและมองเห็นร่องรอยความรู้สึกในนั้น หัวใจซึ่งเคยร้อนรุ่มด้วยเพลิงโทสะก็ค่อยๆ ลดลง
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยปากอย่างยอมแพ้
“พี่ไปส่ง”
“ไม่เป็น…”
“เป็น” คำปฏิเสธถูกโต้กลับด้วยน้ำเสียงห้วนจัด นิสรีนอยู่กับอัตรคุปต์มานานจนมองออกว่าอดีตคนรักกำลังหงุดหงิด และปฏิกิริยาที่คล้ายจะฝังลึกจนกลายเป็นสัญชาตญาณก็ทำให้เธอเลือกจะเป็นฝ่ายยอม โดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มคล้ายจะรู้สึกตัวจนคลายสีหน้าเย็นชาลงแล้วยื่นข้อเสนอ “นีซไม่ได้ขับรถมา ถ้าจะรอให้คนมารับก็คงอีกนาน พี่ไปส่งเอง แล้วเดือนนี้พี่จะไม่ไปรบกวนนีซอีก”
แวบแรกนิสรีนเกือบใจหายเมื่อคนที่เธอทั้งอยากหนีไปให้ไกลจนสุดหล้าและอยากซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดบอกแบบนั้น ทว่าพอนึกอะไรขึ้นได้จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงชืดชา
“วันนี้วันที่สามสิบ” เมื่อเห็นชายหนุ่มมองมาเหมือนถามว่า ‘แล้วยังไง’ เธอก็เอ่ยต่อ “เดือนนี้มีสามสิบวัน”
นั่นหมายความว่าอย่างไรเสียเดือนนี้อัตรคุปต์ก็คงไม่ได้ไปรบกวนเธออีก แต่ดูเหมือนเขาจะคิดต่างกัน อดีตคนรักเลยตอบกลับมาหน้าตาย
“นี่เพิ่งบ่ายสองโมงกว่าเอง นั่นแปลว่าอีกหลายชั่วโมงต่อจากนี้พี่จะไม่ไปรบกวนนีซไง”
พอเห็นสีหน้าไม่เห็นด้วยของหญิงสาว อัตรคุปต์ก็เม้มปาก สีหน้าเหมือนไม่ยินยอมนักขณะที่ยื่นข้อเสนอใหม่
“พี่ให้อีกสองวีกด้วย นีซจะได้มีเวลาส่วนตัวโดยที่พี่ไม่ไปยุ่งเกี่ยว”
สองวีก…
ระยะเวลานั้นทำให้เธอใจหาย ตั้งแต่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่อาจระบุได้ชัดเจนนี้ อัตรคุปต์ไม่เคยทิ้งเวลาหายหน้าไปจากเธอนานขนาดนั้น แวบแรกเกือบเป็นนิสรีนเองที่ไม่ยินยอม ทว่า…
เพียงหลับตาแล้วเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หญิงสาวก็ฝืนคลี่ยิ้ม
“ได้ สองวีก”
นิสรีนได้แต่ภาวนาว่าสองสัปดาห์ที่ไม่ต้องเจอหน้ากันจะทำให้เธอสามารถตัดใจจากเขาได้จริงๆ และจะทำให้อัตรคุปต์ยอมปล่อยมือที่ไม่สามารถเกาะกุมกันไว้ได้คู่นี้ออก
เพราะอ่านทุกอย่างออกจากสีหน้าของหญิงสาว คนที่กำลังจะเฉลยเรื่องระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ต้องห่างกันจึงกัดริมฝีปาก ถอนหายใจเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
เอาเถอะ
ชายหนุ่มปลอบตัวเองในใจ
นิสรีนเป็นฝ่ายไล่ตามเขามาเกือบสิบปี ตอนนี้เขาต้องชดใช้ให้เธอบ้างก็ถือว่าสมควรแล้ว
* OOC ย่อมาจาก Out Of Character หมายถึงการที่ตัวละครทำในสิ่งที่ตัวละครดั้งเดิมจะไม่มีวันทำ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนธันวาคม 65)