จิ้งอ๋องเสิ่นซีเป็นอ๋องศักดินาแห่งตงเป่ย ตอนนั้นเขาอยากทูลขอสมรสพระราชทานจากอดีตฮ่องเต้ แต่น่าเสียดายที่อดีตฮ่องเต้หักใจให้เหล่าพระธิดาผู้อ่อนหวานบอบบางอภิเษกสมรสไปอยู่ดินแดนที่หนาวเหน็บและทุรกันดารอย่างตงเป่ยไม่ได้ เรื่องนั้นจึงค้างคาไว้เช่นนั้น
ต่อมาจิ้งอ๋องถอยไปเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดรองลงมา นั่นก็คือแต่งงานกับองค์หญิงจากชนเผ่าเล็กๆ ของโม่เป่ยและรับอนุอีกหลายคน ว่ากันว่าเขาไม่มีบุตรชาย มีแค่บุตรสาวเพียงผู้เดียวเท่านั้น
จิ้งอ๋องยึดถือแนวทางมุ่งรักษาตนให้อยู่ดีมีสุขโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครมาโดยตลอด ครั้งนี้การที่เซียวเยวี่ยเหอสามารถติดต่อจิ้งอ๋องเพื่อร่วมมือกันต่อต้านเผ่าหนานอี๋ได้นั้นถือเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของทุกคน
อย่างไรก็ตามการหยุดยั้งการรุกรานจากเผ่าหนานอี๋ได้ ทำให้เหล่าฮูหยินทั้งหลายรู้สึกโล่งใจ ชั่วขณะนั้นหัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนไปพูดถึงความสะดวกสบายในเรื่องอาหารและเสื้อผ้าแทน
โม่เซี่ยวเหนียงยกถ้วยชาขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะดื่มชาหนึ่งคำอย่างไม่รีบร้อน
จิ้งอ๋องผู้นี้มิได้จงรักภักดีและกล้าหาญเหมือนที่แสดงให้เห็นเช่นทุกวันนี้ ในวันหน้าเขาจะใช้ข้ออ้างในการกอบกู้แผ่นดินต้าฉินยึดครองแผ่นดินครึ่งหนึ่งของต้าฉิน
เสิ่นหรงบุตรสาวเพียงคนเดียวของจิ้งอ๋องก็ยิ่งมิใช่สตรีธรรมดา หลังจากที่จิ้งอ๋องถูกลอบสังหาร นางก็สืบทอดภารกิจต่อจากบิดาในฐานะฮ่องเต้หญิง จนกระทั่งได้พบฮั่วสุยเฟิงและมีใจให้เขา นางจึงวางแผนจับตัวฮั่วสุยเฟิง ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง จนในที่สุดก็ตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา
สรุปว่าพล็อตเรื่องในช่วงนี้ดำเนินไปในทิศทางเหมือนถังเซิงถูกราชินีแห่งแคว้นอิตถีกักตัวสำเร็จ
เหตุการณ์ที่พระเอกถูกบังคับให้เสียความบริสุทธิ์นั้นว่ากันว่าได้รับความนิยมในหมู่นักอ่านชายอย่างมาก ดังนั้นนักเขียนคนนี้จึงสร้างฉากแนวนี้ขึ้นมาอย่างไร้คุณธรรมหลายครั้ง ฮั่วสุยเฟิงกลายเป็นเนื้อถังเซิงที่ใครๆ ก็อยากครอบครอง!
หากไม่คิดถึงพล็อตเรื่องที่น่าหงุดหงิดของนิยายต้นฉบับ โม่เซี่ยวเหนียงก็รู้สึกว่าชีวิตยังสงบสุข นับว่ายังพอที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่เมื่อคิดถึงบรรดาหญิงงามที่วนเวียนรอบกายฮั่วสุยเฟิงราวกับคลื่นที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนก็ทำให้รู้สึกเหมือนใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้จริงๆ
ในตอนนี้โม่เซี่ยวเหนียงเริ่มเข้าใจหัวอกร่างเดิมของตนเองบ้างแล้ว ตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายอย่างโม่เซี่ยวเหนียงก็มีใจให้ฮั่วสุยเฟิงเช่นกัน แต่การที่ต้องมองดูบรรดาหญิงงามเหล่านั้นเข้าหาพระเอกเหมือนกับผลัดกันใช้ห้องเวจก็คงเป็นเรื่องที่ยากจะทนไหว จึงต้องกลายเป็นคนมืดมนและลงมือจัดการพวกนางอย่างโหดเหี้ยม
หากมองในมุมของความรักที่ต้องการครอบครองแต่เพียงผู้เดียวแล้ว โม่เซี่ยวเหนียงกลับมีความคิดที่ถูกต้องกว่านางเอกเหล่านั้นเสียอีก นางลงมือเตือนพระเอกให้เห็นว่าหากไม่รักษาความซื่อสัตย์ในความรักก็ควรจะมีจุดจบเช่นไร
ความรู้สึกที่มืดมนยังคงอยู่จนถึงยามเย็น ตอนที่ฮั่วสุยเฟิงเอาช่อดอกชาช่อใหญ่ที่ตนเก็บกลับมาจากภูเขาให้นางดู โม่เซี่ยวเหนียงกลับถอนหายใจด้วยความรู้สึกขมขื่นแล้วเอ่ยขึ้น
“ดอกไม้ล้วนเป็นดอกไม้ที่ดี เติบโตอยู่บนภูเขาอยู่ดีๆ แท้ๆ แต่เจ้ากลับเก็บเอามาหมดเสียแล้ว ไม่คิดบ้างหรือว่าเจ้าจะดูแลพวกมันได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมหรือไม่…”
ฮั่วสุยเฟิงหรี่ตาเล็กน้อย ดูเหมือนจะตอบรับภรรยาของตนไม่ได้ จึงได้แต่รับมืออย่างคล้อยตาม ส่งดอกไม้ให้เชี่ยวจือซึ่งยืนอยู่ที่ห้องด้านนอกให้นางเอาไปเก็บเพื่อไม่ให้เซี่ยนจู่เห็นแล้วรำคาญใจ
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมออก นั่งลงบนตั่งนุ่มข้างโม่เซี่ยวเหนียงที่กำลังเอนกายอยู่ เชยคางนางแล้วถามขึ้น