โม่เซี่ยวเหนียงสูดอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของหญ้าหลังฝนเข้าไปลึกๆ ก่อนจะนั่งในกระโจมซึ่งจัดเตรียมไว้กับหงผิงที่นัดหมายมาพบกัน มองดูฮั่วสุยเฟิงกับเจี่ยงอวิ๋นเซิงสามีของศิษย์พี่หญิงตกปลาด้วยกันอยู่ริมทะเลสาบ
แม้เจี่ยงอวิ๋นเซิงจะเชี่ยวชาญเรื่องการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร แต่คราวนี้เขาก็ไม่ได้ลำบากเตรียมปลาตัวเป็นๆ มาปล่อยในทะเลสาบล่วงหน้า ถึงอย่างไรฮั่วสุยเฟิงก็เป็นศิษย์น้องของภรรยาตน ทำเรื่องที่หลอกลวงพวกนั้นไปก็ไร้ประโยชน์
การประจบเอาใจของคุณชายเจี่ยงมักใช้ในสถานการณ์ที่สำคัญเท่านั้น
เมื่อคุณชายเจี่ยงไม่ได้เตรียมปลาไว้ ผลงานการตกปลาของบุรุษทั้งสองก็ไม่ค่อยจะดีนัก
ผ่านไปครึ่งวันก็ไม่มีปลาติดเบ็ด เจี่ยงอวิ๋นเซิงอดนึกเสียใจไม่ได้ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก มิสู้เตรียมปลาเอาไว้ล่วงหน้าจะดีกว่า อีกประเดี๋ยวต้องทำอาหารกลางแจ้ง จะได้มีปลาไว้ย่างกิน
หงผิงเองก็รอจนหมดความอดทนแล้วเช่นกัน “พวกท่านตกได้หรือไม่ พวกเราเตรียมเตาไว้พร้อมแล้ว รอแค่ปลาจากพวกท่านเท่านั้น”
ในตอนนี้เองจู่ๆ ฮั่วสุยเฟิงก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้วถอดเสื้อ เหลือเพียงท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง จากนั้นเขาที่สวมเพียงกางเกงก็รับฉมวกที่องครักษ์ส่งมาแล้วค่อยๆ เดินลงไปในน้ำ จนเมื่อมาถึงกลางทะเลสาบเขาก็ยืนนิ่ง แขนเกร็งแน่นยกฉมวกขึ้นสูง
เมื่อเห็นปลาว่ายเข้ามาใกล้ ฮั่วสุยเฟิงก็ตวัดแขนอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็แทงปลาได้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดแรงๆ โยนปลาขึ้นมาบนฝั่ง ทำเช่นนี้หลายครั้ง ไม่นานก็แทงปลาตัวใหญ่ได้ถึงหกตัว ด้วยรูปร่างที่งดงามของเขา ทุกการยกมือและการเคลื่อนไหวล้วนเผยให้เห็นถึงความแกร่งกล้าของพละกำลังที่ทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจ
ความกล้าหาญเก่งกาจเช่นนี้ทำให้หงผิงถึงกับอุทานชื่นชมไม่หยุดปาก “ฝีมือของศิษย์น้องข้าดีขึ้นมาก นับวันมือกับสายตายิ่งประสานกันอย่างลงตัว ดูเอวและกล้ามเนื้อนั่นเถิด หลังแต่งงานก็ไม่พ่วงพีขึ้นแม้แต่น้อย ช่างหาได้ยากโดยแท้…เซี่ยวเหนียง เจ้ารับมือเขาได้ทุกคืนหรือ”
โม่เซี่ยวเหนียงเองก็มองตามฮั่วสุยเฟิงอยู่ในระยะไม่ไกล ใจหนึ่งก็หงุดหงิดที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเกินไปตอนลงน้ำ ให้คนอื่นได้เห็นร่างกายเสียเปล่า เมื่อได้ยินคำหยอกล้อสัปดนของหงผิง นางจึงชี้ไปที่คุณชายเจี่ยงซึ่งกำลังถอดเสื้อผ้าเตรียมลงน้ำเหมือนฮั่วสุยเฟิง แล้วตอบกลับ
“สามีท่านก็รูปร่างดีเอาการ…”
หงผิงหันไปดูตามคำพูดของโม่เซี่ยวเหนียงทันที ก็จริง! แผ่นหลังของเขาขาวเนียนราวกับหิมะปานนั้น
นางร้อนใจขึ้นมาทันทีจนถึงกับปาถ้วยชามทิ้ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น “รีบสวมเสื้อผ้าเร็วเข้า ของของตนเองจะให้ผู้อื่นดูส่งเดชได้อย่างไร!”
คำพูดนี้ทำให้บรรดาสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างพากันปิดปากหัวเราะ
ส่วนเชี่ยวจือเวลานี้กำลังถือผ้าขนหนูผืนใหญ่ยืนรอจวิ้นอ๋องอยู่ที่ริมฝั่งเงียบๆ เมื่อเขาขึ้นฝั่งมาแล้วจะได้ช่วยเช็ดตัวให้เขา
แต่โม่เซี่ยวเหนียงไม่อยากให้ของของตนเองผ่านมือคนอื่น จึงให้หานเยียนและเตี๋ยสี่ช่วยพยุงนางเดินมาที่ริมฝั่ง จากนั้นก็ตะโกนบอกฮั่วสุยเฟิง
“รีบขึ้นมาเถิด น้ำเย็นเพียงนี้ เจ้าจะหนาว…”
นางพูดพลางรับผ้าขนหนูผืนใหญ่มาจากเชี่ยวจือแล้วเดินตรงไปยังริมทะเลสาบเอง แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างเจ็บชา ทำให้เสียหลักและลื่นไถลลงไปในทะเลสาบทันที
ตอนนี้ทำเอาหานเยียนและเตี๋ยสี่ที่อยู่ด้านหลังตกใจจนลนลาน ใครจะคาดคิดว่าเพียงปล่อยมือครู่เดียว เซี่ยนจู่จะลื่นไถลตกลงไปในน้ำ!
ฮั่วสุยเฟิงหันไปเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี จึงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาโม่เซี่ยวเหนียงจนละอองน้ำกระเซ็นสูง ขณะเดียวกันโม่เซี่ยวเหนียงที่ได้พวกหานเยียนพยุงขึ้นมากลับมีใบหน้าซีดเผือด
เมื่อครู่นางตกน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้สำลักน้ำเข้าไปหลายครา ในชั่วขณะที่หายใจไม่ออก จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็ราวกับปรากฏภาพลวงตา
ในภาพลวงตานั้นนางเห็นตนเองที่ไม่ได้เห็นมานาน…ร่างผอมบางจนเห็นกระดูก ถูกเสียบด้วยสายท่อนับไม่ถ้วน สวมชุดผู้ป่วยนอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงขาวสะอาด ด้านข้างมีชายคนหนึ่งกำลังค่อยๆ ปอกแอปเปิ้ลให้นาง…