ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 131-132 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 131-132

ยิ่งไปกว่านั้นหากทำให้สตรีผู้นั้นแท้งบุตรหรือสุขภาพทรุดโทรมก็ช่างเถิด แต่อีกฝ่ายแค่สำลักน้ำไปหลายครั้ง ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้มีอาการปวดท้องใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้การผลีผลามลงมือของนางก็เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแต่เนิ่นๆ และได้ไม่คุ้มเสีย

ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าเหล่าอนุของบิดาที่คอยแก่งแย่งชิงดีกันนั้นเป็นพวกสตรีไร้สมอง แต่ตอนนี้นางเพิ่งเข้าใจว่าความหึงหวงนั้นทำให้ไร้สติได้จริงๆ

เชี่ยวจือ…ซึ่งก็คือเสิ่นหรงบุตรสาวของจิ้งอ๋อง ยามนี้นางรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อครู่นี้เหตุใดข้าถึงได้โง่เง่าไปโจมตีจุดชาของโม่เซี่ยวเหนียงด้วย

และตอนนี้เมื่อสายตาดุจดาบคมของฮั่วสุยเฟิงจ้องมองมา นางก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเป็นกังวล รอฟังข่าวว่าเซี่ยนจู่ปลอดภัยดี

ฮั่วสุยเฟิงจดจำใบหน้าของผู้คนสิบกว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ในใจ จากนั้นก็มิได้กล่าวอะไรอีก เพียงหันกายกลับเข้าไปในกระโจม

ในยามนี้โม่เซี่ยวเหนียงเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าที่แห้งสนิทแล้ว ร่างกายที่เย็นเฉียบกลับมาอุ่นอีกครั้ง เพียงแต่นางยังดูไม่ค่อยสดชื่น กุมถ้วยน้ำร้อนพลางเหม่อลอย

ฮั่วสุยเฟิงนั่งลงข้างกายนางพลางกล่าวเสียงต่ำ “เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรให้เจ้ามาที่ริมทะเลสาบแต่แรก เจ้าพักสักหน่อยเถิด อีกประเดี๋ยวพวกเราจะกลับจวน…”

เขาพูดได้เพียงครึ่งเดียวก็พบว่าโม่เซี่ยวเหนียงไม่ได้มองเขา ทว่ากลับจ้องมองมือคู่นั้นของเขา…นิ้วมือเรียวยาวงดงาม โดยเฉพาะเวลาที่เขาปอกผลไม้ให้นาง มือคู่นี้มั่นคงอย่างยิ่ง…

ฮั่วสุยเฟิงมองมือของตนเองตามสายตานางด้วยความสงสัย ในยามนั้นเองโม่เซี่ยวเหนียงก็เอ่ยขึ้น “เมื่อครู่ข้าสำลักน้ำ รู้สึกว่าปากไม่มีรสชาติ เจ้าช่วยปอกผิงกั่วให้ข้าสักลูกได้หรือไม่”

เมื่อโม่เซี่ยวเหนียงเอ่ยปากมีหรือที่ฮั่วสุยเฟิงจะไม่ตอบรับ เขาจึงหยิบผิงกั่วจากถาดผลไม้ในกระโจมขึ้นมาหนึ่งลูกและใช้มีดเงินเล่มเล็กปอกเปลือกให้นาง

มือคู่นั้นยังคงคล่องแคล่วเช่นทุกครา และประตูแห่งความทรงจำของโม่เซี่ยวเหนียงก็ถูกมือคู่นี้ผลักเปิดออกอย่างรุนแรง…

นางยังจำได้ว่าตอนที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ เคยมีช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกับเซินหย่วนอย่างกลมเกลียวเช่นกัน ช่วงนั้นเขาเคยเล่าให้นางฟังว่าเขากับนางเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมเดียวกัน เขาชื่นชมนางอย่างยิ่งในฐานะหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสภานักเรียน ดังนั้นเมื่อเห็นว่านางกลับมาประเทศเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ เขาจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะเซ็นสัญญาอยู่ภายใต้สังกัดบริษัทของนาง

โรงเรียนที่นางเรียนนั้นเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่มีแผนกมัธยมต้นและแผนกประถมรวมอยู่ในเครือเดียวกัน

แม้อู๋เซี่ยวเซี่ยวจะเรียนมัธยมปลายได้เพียงครึ่งทางก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ แต่ตอนอยู่ที่โรงเรียนก็เป็นคนที่โดดเด่นในสภานักเรียนมาโดยตลอด ทุกครั้งที่โรงเรียนมีการแสดงต่างๆ นางมักขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลงหรือเต้นเสมอ

หากเซินหย่วนเป็นรุ่นน้องของนางจริงๆ การที่เด็กประถมตัวเล็กๆ จะชื่นชมรุ่นพี่มัธยมปลายก็ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทว่าเมื่อครั้งที่เซินหย่วนพยายามพูดคุยถึงช่วงเวลาที่ทั้งคู่เคยมีโอกาสเกี่ยวข้องกันในอดีต อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ต้องบอกตรงๆ ด้วยความรู้สึกผิดว่านางนึกไม่ออกจริงๆ

หลังจากนั้นเป็นต้นมาเซินหย่วนก็ดูเหมือนจะเลิกพยายามพูดถึงอดีตเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับนาง หรือใช้เรื่องนี้มาประจบเอาใจเจ้านายหญิงของเขาอีก

ไม่นานความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมโรงเรียนนี้ก็ถูกบดขยี้จนไม่เหลืออะไรจากการทำงานร่วมกันในบริษัทและความขัดแย้งระหว่างนางกับเซินหย่วนที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

ทว่าสิ่งที่อู๋เซี่ยวเซี่ยวมั่นใจอย่างยิ่งในตอนนี้คือในภาพลวงตาที่นางเพิ่งเห็นเมื่อครู่ ชายที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงของนางคือเซินหย่วนผู้ที่นางเคยคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นห่างเหินอย่างยิ่ง การปอกผลไม้ของเขาช่างเหมือนกับวิธีการของจวิ้นอ๋องน้อยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่มีผิด

เมื่อมองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันของทั้งสองคน โม่เซี่ยวเหนียงก็เกือบเผลอหลุดปากถามออกมาว่า ‘คุณคือเซินหย่วนใช่ไหม!’

แต่บทเรียนหลายครั้งก่อนหน้านี้ทำให้โม่เซี่ยวเหนียงรู้ว่าต่อให้ถามออกไป เขาก็คงตอบปฏิเสธหน้าตาเฉย และอาจย้อนกลับมาตั้งคำถามกับนางด้วยซ้ำด้วยการถามว่านางไปรู้จักบุรุษป่าเถื่อนผู้นั้นตั้งแต่เมื่อใด

ดังนั้นโม่เซี่ยวเหนียงจึงกลั้นใจไม่ถาม เพียงตัดสินใจจับตามองพิรุธของเขาต่อไปแล้วค่อยว่ากัน

นับตั้งแต่นางทะลุมิติมาอยู่ในโลกแฟนตาซีนี้ นางก็ผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมามากมายจนคิดว่าตนสามารถปรับตัวเข้ากับทุกสิ่งของที่นี่ได้แล้ว ทว่าเมื่อครู่ที่จมน้ำจนแทบขาดอากาศหายใจ ภาพที่นางเห็นโดยไม่ตั้งใจนั้นทำให้โม่เซี่ยวเหนียงตระหนักว่านางโหยหาโลกความจริงมากเพียงใด แต่ความคิดนี้ไร้ซึ่งความหวังใดๆ และถูกเก็บงำไว้อย่างลึกล้ำ

แต่หากภาพที่เห็นเมื่อครู่นั้นมิใช่ภาพลวงตา ทว่าเป็นความจริงเล่า นั่นหมายความว่าตัวนางในโลกความจริงยังไม่ตาย เพียงหมดสติหลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เท่านั้นใช่หรือไม่

มีหลายเรื่องเกินไปที่โม่เซี่ยวเหนียงคิดไม่ตก ตลอดทางกลับจวนนางจึงซึมเซาไม่พูดไม่จา

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 17.2

บทที่ 17.2 ตกปลาตามลำพังท่ามกลางสายลมและหิมะ ที่ประตูหลักกำลังผลัดเปลี่ยนเวร ขอบฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาว ดวงอาทิตย์ยามเช้าค่อ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 131-132

บทที่ 131 จะว่าไปแล้วการที่นางเข้ามาในจวนโม่เป่ยอ๋องได้นั้นช่างเป็นความบังเอิญนัก ครั้งหนึ่งในระหว่างปฏิบัติการลับ นางบั...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 17.1

บทที่ 17.1 ตกปลาตามลำพังท่ามกลางสายลมและหิมะ ‘เส้นแบ่ง’ คำนี้ราวกับจี้เข้าไปตรงใจกลางกะโหลกศีรษะของหยางหลุน เขารีบกล่าวก...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 17.3

บทที่ 17.3 ตกปลาตามลำพังท่ามกลางสายลมและหิมะ ราชสำนักฝ่ายในเลี้ยงอาหาร เหล่าขุนนางออกจากตำหนักแล้วก็เข้าไปที่ห้องทำงานตร...

community.jamsai.com