ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 90-91 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 90-91

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 90

การเปลี่ยนแปลงในวังที่ล้มเหลว ทำให้บิดาของเซียวเยวี่ยเหอไม่ผ่านบททดสอบทองแท้ทนไฟ โชคดีที่เซียวเหยี่ยนพยายามกอบกู้สถานการณ์อย่างสุดกำลัง โดยร่วมมือกับฮั่วจวิ้นอ๋องที่พากันบุกเข้าวัง

ส่วนหลานชายอย่างเซียวเยวี่ยเหอที่ยอมตายแต่ไม่ยอมจำนนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้จะถูกดาบคมตัดเอ็นข้อเท้าขาด แต่ยังคงรักษาเกียรติของสกุลเซียวที่พึงมีไว้ได้

ด้วยเหตุนี้หนังสือสวามิภักดิ์ที่เซียวเซิงเขียนด้วยมือของตนจึงถูกฮ่องเต้สั่งฉีกทำลายอย่างลับๆ อย่างไรเสียเซียวเซิงไม่สามารถกลับไปบัญชาการในกรมทหารได้อีก และเซียวเยวี่ยเหอก็ต้องเข้ามารับหน้าที่แทนบิดาของเขาในกรมทหาร แต่ด้วยร่างกายที่พิการ ไม่สามารถขึ้นม้าหรือจับอาวุธได้ อย่างมากก็แค่เข้าไปทำงานเพื่อแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้ทรงแยกแยะบุญคุณกับความแค้นชัดเจน ให้รางวัลและลงโทษอย่างยุติธรรมเท่านั้น

ความรุ่งโรจน์ครั้งอดีตในกรมทหารของสกุลเซียวจึงไม่มีอีกแล้ว เซียวเยวี่ยเหอก็เพียงแค่ทำงานในกองเอกสารของกรมทหาร ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามหลังเหล่าขุนนางชั้นสูงทั้งหลาย

นึกไม่ถึงว่าในวันนี้เมื่อเหล่าสหายใหม่ได้ดื่มสุราร่วมกันก็บังเอิญเห็นว่าฮั่วสุยเฟิงกำลังพูดคุยอยู่ข้างรถม้าบนถนนพอดี

คนที่คุ้นเคยกันจึงเรียกฮั่วสุยเฟิงขึ้นมา

มีคุณชายหลายคนที่อายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี เมื่อเห็นฮั่วสุยเฟิงเดินมาจากที่ไกลๆ ก็เอ่ยหยอกล้อ “ฉงเจิ้งจวิ้นอ๋อง ท่านรอไม่ไหวแล้วหรืออย่างไร ถึงกับไปขวางรถม้าสตรีสกุลฉู่บนถนน ถ้าพวกเราไม่เรียก ท่านคงพูดกับคุณหนูสกุลฉู่ไม่รู้จบเลยใช่หรือไม่”

ฮั่วสุยเฟิงไม่ได้รับจอกสุราที่ใครบางคนยื่นมาให้ แต่กลับยกชายเสื้อนั่งลงแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ท่านพ่อบุญธรรมห่วงใยบุตรสาว เห็นว่าข้าจะไปคารวะที่จวน จึงสั่งให้ข้าแวะรับนางด้วย ข้าช่วยทำธุระให้ท่านพ่อบุญธรรม แต่กลับถูกพวกท่านกล่าวหาเช่นนี้ ต้องการจะทำลายชื่อเสียงของฮุ่ยหมิ่นเซี่ยนจู่หรือไร อย่าว่าแต่ท่านพ่อบุญธรรมที่รักและเป็นห่วงบุตรสาวอย่างยิ่งจะไม่ยอมปล่อยพวกท่าน ข้าเองก็ไม่อาจปล่อยให้คนที่พูดจาว่าร้ายออกจากหอสุรานี้ไปได้เช่นกัน…”

คำพูดนี้กึ่งล้อเล่นกึ่งจริง กอปรกับฮั่วสุยเฟิงเป็นคนที่มีท่าทางน่าเกรงขามดุจพญายมมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่มีใครกล้าหยอกล้อเรื่องโม่เซี่ยวเหนียงแห่งสกุลฉู่ต่อ

ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็มีพระราชโองการแต่งตั้งลูกเลี้ยงหญิงของแม่ทัพฉู่ให้เป็นเซี่ยนจู่แล้ว ว่ากันตามตรงแม้แต่บุตรสาวแท้ๆ ก็ยังไม่ได้รับเกียรติเช่นนี้ เหตุใดลูกเลี้ยงกลับได้รับกันเล่า คำตอบนั้นชัดเจนว่าเพราะลูกเลี้ยงผู้นี้หมั้นหมายกับฉงเจิ้งจวิ้นอ๋อง จึงต้องได้รับการยกย่องให้สูงขึ้นอีกขั้นเพื่อให้เกียรติแก่จวิ้นอ๋องหนุ่ม

ทว่ายังมีสิ่งที่ทุกคนคิดร้อยครั้งแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี นั่นคือหากต้องการตอบแทนจวิ้นอ๋องจริง เหตุใดจึงไม่เลือกสตรีวัยแรกรุ่นจากตระกูลชั้นสูง แต่กลับไปเลือกสตรีที่อายุเกือบจะยี่สิบสามปีแล้ว แม้ว่าตอนนี้ฮุ่ยหมิ่นเซี่ยนจู่จะเป็นหญิงงามที่โดดเด่น แต่ก็ไม่ควรพระราชทานการสมรสเช่นนี้

มีคนอดไม่ได้ เอ่ยถามขึ้นอีกว่า “จวิ้นอ๋องน้อย ดูเหมือนท่านจะอายุน้อยกว่าฮุ่ยหมิ่นเซี่ยนจู่ใช่หรือไม่ น่าจะห่างกัน…ห้าปี?”

ฮั่วสุยเฟิงยังคงสงบนิ่ง คีบอาหารโดยที่คิ้วไม่ขยับพลางตอบ “ข้าอายุยืด ความจริงแล้วจึงห่างกันแค่สี่ปีเท่านั้น อีกทั้งวันคล้ายวันเกิดของเซี่ยนจู่อยู่ช่วงต้นปี หากนับตามเดือนแล้วก็ห่างกันแค่สามปีเท่านั้นเอง”

ตอนนี้คนทั้งโต๊ะพยายามนับนิ้วคำนวณแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งไม่มีลูกคิดอยู่ในมือด้วย…ที่บอกว่าอายุยืดมันคืออย่างไรกันแน่ ถึงสามารถยืดอายุไปได้หลายปีเพียงนี้

ทว่าเมื่อเห็นท่าทางที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยของฮั่วสุยเฟิงก็เห็นว่าเขาดูสุขุมเยือกเย็นจริงๆ หากบอกว่าเขาอายุประมาณยี่สิบปี ถ้ามองอย่างผิวเผินก็พอจะเชื่อได้ นอกจากนี้ท่าทางของจวิ้นอ๋องก็ไม่เหมือนพูดอย่างส่งเดช เขาอาจจะไม่ได้อ่อนกว่าอีกฝ่ายเพียงนั้นจริงๆ ก็ได้!

ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เขาเหลือบตามองไปทางคนถามด้วยสายตาเย็นเยือกเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าจวิ้นอ๋องผู้นี้คงจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น หากใครกล้าเอ่ยเรื่องสมรสพระราชทานที่ไม่เหมาะสมนี้ขึ้นมาอีก คงได้โดนปาดคอในตรอกมืดแน่นอน

หลังจากที่ทุกคนหัวเราะพูดคุยกันแล้ว ต่างก็รู้แจ้งแก่ใจ จึงไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก

ฮ่องเต้คงจับคู่ส่งเดช เพราะทรงรำลึกถึงบุญคุณที่แม่ทัพฉู่ช่วยชีวิต จึงหาทางออกให้หญิงทึนทึกที่บ้านเขา ทำให้การแต่งงานของจวิ้นอ๋องหนุ่มต้องกลายเป็นเช่นนี้

แต่มีภรรยาเอกที่อายุมากกว่าก็ดีเช่นกัน ต่อไปหากฮั่วสุยเฟิงต้องการรับอนุก็สามารถอ้างเหตุผลนี้ได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ควรให้จวิ้นอ๋องที่ยังหนุ่มยังแน่นและแข็งแรงต้องมีหญิงชราหน้าเหลืองข้างกายเพียงคนเดียว!

ไม่ชอบหญิงสูงวัยที่อายุมากเกินไปซึ่งฮ่องเต้พระราชทานก็ยังรับอนุที่อายุน้อยๆ ได้อีกหลายคน เรื่องนี้แม้แต่ฮ่องเต้ก็ตรัสอะไรมากไม่ได้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับฉงเจิ้งจวิ้นอ๋องไม่น้อยใช่หรือไม่

ขณะที่ทุกคนต่างรู้สึกสงสารฮั่วสุยเฟิง มีใครคนหนึ่งดื่มสุราเงียบๆ แต่เพลิงโทสะในใจโหมลุกโชติช่วงมากขึ้นทุกที

คนที่ส่งสายตาดุจคมมีดใส่จวิ้นอ๋องน้อยหลายครั้งหลายคราก็คือเซียวเยวี่ยเหอ

คนอื่นอาจไม่รู้สาเหตุภายใน แต่เขารู้เรื่องราวส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

บทที่ 1 แค้นเก่า หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยา...

ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทนำ-บทที่ 1.2

บทนำ บนโลกนี้มีการเดินทางข้ามกาลเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือไม่ น่าจะมีอยู่ หยางหวั่นก็คือคนโชคดีที่ได้เดินทางข้ามกาลเวลาคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6

บทที่ 4 แป้งชาด ตอนตี้อีชิวกลับถึงกองเสวียนอู่ก็เป็นยามอิ๋นแล้ว ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็กำลังจะสว่าง เขาจึงมิได้นอนอีก ตัดสิน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 7-9

บทที่ 7 กิเลส หิมะแรกหลังย่างเข้าฤดูเหมันต์มาเยือนเมืองหลวง หิมะแรกเล็กละเอียด จากนั้นก็ค่อยๆ รุนแรงขึ้น ปกคลุมไปทั่ววัง...

community.jamsai.com