แต่ก่อนซื่อจื่อไม่ชอบฮั่วสุยเฟิง คิดว่าฮั่วสุยเฟิงจับตามองพี่สาวของตนมากเกินไป ตอนแรกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เพียงห่วงใยพี่สาว เป็นแค่เด็กไร้มารยาทคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องลดตัวไปถือสาหาความ
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซื่อจื่อจัดการให้คนวางแผนเล่นงานเซิ่งเซวียนคู่หมั้นคนก่อนของโม่เซี่ยวเหนียง อีกทั้งคอยช่วยปิดบังความลับเรื่องชาติกำเนิดให้โม่เซี่ยวเหนียงมาตลอดด้วย เขาทำทุกอย่างทั้งเรื่องดีเรื่องชั่ว เพื่อดึงรั้งโม่เซี่ยวเหนียงไว้จนกลายเป็นหญิงทึนทึกที่แต่งไม่ออก
อีกทั้งด้วยความกลัวว่าเมื่อนางอยู่ที่ซีเป่ยจะไปแต่งงานกับใครง่ายๆ ซื่อจื่อถึงกับให้คนแฝงตัวไปอยู่ที่ซีเป่ย หากฉู่เซิ่นถูกใจบุรุษคนใด เขาก็ต้องสร้างภูมิหลังดำมืดสกปรกให้บุรุษที่ถูกเลือกคนนั้น
การวางแผนอย่างเอาใจใส่เช่นนี้ก็เพียงเพื่อหวังว่าจะมีสักวันหนึ่งที่โม่เซี่ยวเหนียงจะตระหนักและสำนึกผิด รู้ว่าคู่ชีวิตที่ถูกลิขิตไว้ของตนเองคือเขาเซียวเยวี่ยเหอ
ต้นไม้ที่ตนรดน้ำใส่ปุ๋ยกำลังจะออกผลอุดมสมบูรณ์ แต่กลับถูกน้องชายของโม่เซี่ยวเหนียงที่เพิ่งเปลี่ยนสกุลมาตัดหน้าระหว่างทาง แย่งชิงเอาไปอย่างหน้าตาเฉย
ฮ่องเต้พระราชทานสมรสหรือ แต่ตามความเห็นของเขาเป็นเพราะฮั่วสุยเฟิงร้องขอฮ่องเต้เองมากกว่า!
ไม่แปลกใจที่แต่ก่อนเด็กบ้านั่นเฝ้าระวังโม่เซี่ยวเหนียงอย่างไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าเฝ้าคิดถึงพี่สาวสกุลฉู่ผู้งดงามมาโดยตลอดต่างหาก!
ความพยายามอย่างหนักที่ผ่านมาของตนกลับกลายเป็นการตัดชุดแต่งงานให้คนผู้นี้ไปเสียแล้ว!
บัดซบ ตอนที่ข้าชอบเซี่ยวเหนียง เจ้าน่าจะยังฉี่รดที่นอนอยู่ด้วยซ้ำ!
คิดมาถึงตรงนี้เซียวเยวี่ยเหอก็ระงับความโกรธในใจไม่อยู่อีกต่อไป เขาวางจอกสุราลงและกล่าวว่า “ดูจากสีหน้าของจวิ้นอ๋องที่สุขใจเต็มเปี่ยมแล้ว ช่างเป็นคู่สวรรค์สรรค์สร้างจริงๆ! แต่น่าเสียดาย เพราะการไว้ทุกข์ของแว่นแคว้น จึงต้องเลื่อนไปอีกหนึ่งปีถึงจะแต่งงานได้ ในปีนี้จวิ้นอ๋องต้องดูแลสุขภาพให้ดีเล่า เติบโตให้มากขึ้นอีกหน่อย มิฉะนั้นผู้อื่นเห็นแล้วคงคิดว่าเป็นคนละรุ่นกับเจ้าสาว…”
คำพูดนี้ช่างแฝงนัยของการท้าทายอย่างเข้มข้นจริงๆ ทำให้คนทั้งโต๊ะอึดอัด พากันมองไปที่ฮั่วสุยเฟิงเพื่อดูว่าเขาจะตอบโต้อย่างไร
แต่จวิ้นอ๋องน้อยกลับมีความอดทนอย่างน่าทึ่ง แม้ว่าจะถูกเยาะเย้ยว่าแต่งกับสตรีที่อายุมากกว่า ทว่าใบหน้ากลับระบายรอยยิ้มแล้วเอ่ยตอบ
“ซื่อจื่อพูดถูก ในหนึ่งปีนี้ข้าต้องดูแลสุขภาพอย่างดีแน่นอน มิฉะนั้นอาจมีคนชะเง้อคอรอพระเมตตาอันยิ่งใหญ่จากฮ่องเต้ หวังว่าจะพระราชทานรางวัลเป็นหญิงงามสะพรั่งสง่าผ่าเผยอย่างเซี่ยนจู่ แต่ก็ไม่ได้รับพระราชทานเสียที! หากข้าเป็นอะไรไปจะไม่เท่ากับว่าปล่อยให้คนอื่นได้โอกาสนี้ไปจนทำให้ข้าโมโหตายหรือ”
คำพูดนี้กระทบใจเซียวเยวี่ยเหออย่างแรง ทำให้เขาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
แต่ไม่มีใครในโต๊ะที่รู้ว่าซื่อจื่อหลงใหลในตัวโม่เซี่ยวเหนียง ทุกคนเพียงแค่คิดว่าเซียวเยวี่ยเหอดื่มมากจนหลุดปากพูดออกมาโดยไม่ทันยั้งคิด
ฮั่วสุยเฟิงเห็นว่าคุยกับคนพวกนี้ไม่ถูกคอและไม่ได้อยากดื่มสุราด้วย หลังโอภาปราศรัยกันเพียงครู่หนึ่งแล้วก็หันกายเดินลงจากหอสุราไป
ตอนที่ทุกคนน้อมส่งจวิ้นอ๋องแล้วกลับมาดื่มกันต่อ จู่ๆ ก็มีคนสังเกตเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากมือของเซียวเยวี่ยเหอ จึงร้องออกมาด้วยความตกใจ
เซียวเยวี่ยเหอโยนจอกสุราที่บีบจนแตกทิ้งลงพื้นแล้วรับผ้าที่บ่าวรับใช้ส่งให้มาพันมือ ก่อนเอ่ยเรียบๆ “เมื่อครู่อาการเจ็บขากำเริบ ปวดจนทนไม่ไหว จึงบีบจอกสุราจนแตก…ทุกท่านสนุกกันต่อเถิด ข้าขอตัวกลับก่อน”
ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้น เพียงแต่ร่างกายสูงใหญ่ของเขาไม่ได้เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยเช่นเมื่อก่อน มือจับไม้เท้าหอมสลักลายเคลือบทอง เดินขากะเผลกไปที่บันได
เมื่อเห็นว่าซื่อจื่อจากไปแล้วก็อดถอนหายใจด้วยความสะเทือนใจไม่ได้ “น่าเสียดายจริงๆ อดีตหนุ่มรูปงามแห่งเมืองหลวง ตอนนี้ต้องมาอยู่ในสภาพขาพิการ”
แต่มีคนไม่เห็นด้วย “ขาพิการก็ยังช่วยรักษาชื่อเสียงขุนนางผู้จงรักภักดีร้อยปีของสกุลเซียวไว้ได้ มิฉะนั้นเจ้าคิดว่าสกุลเซียวจะเป็นเช่นไร ไม่แปลกที่เมื่อครู่เขาจะหงุดหงิดจวิ้นอ๋องน้อย เคยได้ยินหรือไม่ว่าค่ายทหารบุตรหลานจากเซียงซี ของสกุลเซียวถูกโจมตีวุ่นวายและจัดระเบียบใหม่ ได้ยินว่าส่วนใหญ่ถูกรวมเข้ากับโม่เป่ยไปอยู่ในความดูแลของจวิ้นอ๋องน้อย”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ตระหนักได้ทันทีว่าแม้ภายนอกฮ่องเต้จะชมเชยสกุลเซียว ทว่าจากสถานการณ์ตรงหน้านี้เป็นการเลื่อนขั้นอย่างเปิดเผย แต่ลดสถานะสกุลเซียวอย่างลับๆ! ไม่รู้ว่าจะอาศัยคนขาพิการประคองฐานะของสกุลเซียวไว้ได้หรือไม่