ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 90-91
หลังเดินมาส่งซั่นเหวินจวี่กลับไปแล้ว โม่เซี่ยวเหนียงก็หันกลับมาเห็นฮั่วสุยเฟิงที่ทำตัวติดกับนางตลอดเวลาราวกับยาหนังสุนัข นางจึงเอ่ยขึ้น
“จวิ้นอ๋อง ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ท่านควรจะกลับได้แล้ว”
เนื่องจากคนที่ออกมาส่งซั่นเหวินจวี่มีเพียงโม่เซี่ยวเหนียงกับฮั่วสุยเฟิงสองคน เวลานี้ที่หน้าประตูนอกจากคนเฝ้าประตูแล้วก็มีเพียงสาวใช้สองคนเท่านั้น
ฮั่วสุยเฟิงเอื้อมมือดึงโม่เซี่ยวเหนียงไปอยู่ใต้กำแพงมืดด้านข้าง
โม่เซี่ยวเหนียงไม่ทันระวัง นางสะดุ้งตกใจแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะทำอะไร!”
จู่ๆ ฮั่วสุยเฟิงก็ก้มลงจุมพิตแก้มนางคราหนึ่ง “ข้าก็จะไปแล้วเช่นกัน อยากคุยเรื่องส่วนตัวกับเจ้าสักหน่อย”
ตอนนี้คงเป็นเพราะมีพระราชโองการจากฮ่องเต้ลงมาแล้ว จวิ้นอ๋องน้อยผู้นี้จึงเริ่มมั่นใจในชัยชนะมากขึ้น เห็นพี่สาวสกุลฉู่เป็นเนื้ออันโอชะในจานของตนไปแล้ว แม้จะบอกว่ายังไม่ถึงเวลาอาหาร ไม่อาจกินได้อย่างจุใจ แต่การยื่นนิ้วออกมาลิ้มลองรสน้ำแกงเล็กน้อยนั้นย่อมต้องทำ
ฮั่วสุยเฟิงเพิ่งพูดจบก็ทำท่าจะเข้ามาจุมพิตอีกครั้ง แต่โม่เซี่ยวเหนียงรีบยกมือขึ้นปิดปากเขาไว้ พร้อมกับพูดเสียงเบาๆ อย่างขุ่นเคือง
“คิดว่ามาเที่ยวตรอกคณิกาหรือไร อยากจุมพิตก็จุมพิต ไม่กลัวหรือว่าข้าจะฟ้องท่านพ่อหรือ”
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่อาจเอาฉู่เซิ่นมาขู่ให้จวิ้นอ๋องน้อยกลัวได้อีกแล้ว เขาแค่เอ่ยด้วยความน้อยใจ “ตอนสหายร่วมงานดื่มสุรากันมักพูดกันว่าริมฝีปากของสตรีนั้นหวานยิ่งกว่าสุรา เสียดายที่ข้าโตจนป่านนี้แล้วกลับไม่เคยรู้รสชาติของมัน เจ้าช่วยทำให้ข้าได้รู้สักหน่อยเถิด แล้วต่อไปข้าจะไม่ทำอีก”
มือของโม่เซี่ยวเหนียงข้างนั้นเปลี่ยนมาหยิกแก้มเขาแรงๆ “สหายร่วมงานเช่นไรกัน ถึงได้พูดเรื่องเช่นนี้! ถ้าเจ้าอยากรู้ก็ไปหานางคณิกาที่รับหน้าที่ดื่มสุราเป็นเพื่อนเถิด พวกนางทุกคนอมไหน้ำผึ้งไว้ในปากทั้งนั้น! ถ้ายังกล้ามารบกวนข้าอีก ข้าจะไปทูลฮ่องเต้ให้พระองค์ทรงรู้ว่าเจ้าทำอะไรไว้บ้างในช่วงที่ยังไว้ทุกข์อยู่!”
คราวนี้จวิ้นอ๋องน้อยจึงปล่อยมือในที่สุด แต่ยังคงฉุดรั้งโม่เซี่ยวเหนียงอยู่และยืนอ้อยอิ่งอยู่ใต้กำแพงมืดนานพักใหญ่
เมื่อโม่เซี่ยวเหนียงส่งตัววุ่นวายนั่นจากไปแล้ว หานเยียนที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเข้ามากระซิบว่า “คุณหนู ผมท่านยุ่งหมดแล้ว…”
โม่เซี่ยวเหนียงจึงต้องหยิบคันฉ่องพกขนาดเล็กจากมือหานเยียนมาหวีผมของตน แต่หวีไปเรื่อยๆ ในใจก็หงุดหงิดขึ้นมาอีก นึกถึงตอนที่นางหมั้นหมายกับเซิ่งเซวียนก็ไม่เห็นคุณชายเซิ่งจะบ้าตัณหาเช่นนี้ นางกับเขารักษามารยาทอย่างเหมาะสม เพียงแต่ในจดหมายที่ส่งหากันอาจมีความใจกล้าขึ้นมาสักหน่อย แสดงความรักภายในใจออกมาอย่างอาจหาญ
เมื่อนึกถึงความรักบริสุทธิ์ไร้เรื่องชู้สาวระหว่างเพื่อนทางจดหมายเมื่อครั้งนั้นแล้วนึกถึงเจ้าลูกหมาป่าที่เมื่อครู่แทบจะแลบลิ้นน้ำลายไหล ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ!
อีกทั้งฮั่วสุยเฟิงยังใจกล้าบ้าบิ่นถึงขั้นทำตัวเหิมเกริมหน้าจวนสกุลฉู่เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าสมกับที่เป็นพระเอกในนิยายแนวฮาเร็ม นอกจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองก็ฉวยโอกาสกับสตรีเมื่อสบช่องแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่ปล่อยให้หน้ากระดาษเสียเปล่าแม้แต่นิดเดียว
หลังจากโม่เซี่ยวเหนียงหวีผมเสร็จก็รู้สึกว่าแก้มจนเองในคันฉ่องแดงเรื่อ ทั้งยังรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างอย่างบอกไม่ถูก นางจึงไม่รีบกลับเข้าจวน อยู่รับลมเย็นที่หน้าประตูสักพักก่อนจะหันกายเดินเข้าไป
วันพรุ่งนี้ฉู่เฉียวอีเตรียมตัวจะไปพบหมอ ต้องทำความสะอาดร่างกายก่อนเพื่อฝังเข็มปรับเลือดลม นางจึงอาบน้ำล่วงหน้า พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็พร้อมพบหมอได้ทันที
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉู่เฉียวอีนั่งกินองุ่นอยู่ที่ลานเล็ก พอเห็นโม่เซี่ยวเหนียงเพิ่งกลับมาก็อดเอ่ยอย่างอิจฉาไม่ได้
“แค่ไปส่งคนเท่านั้น นานถึงเพียงนี้เชียว มีอะไรที่คุยกันไม่จบไม่สิ้นหรือ สมัยก่อนพวกเจ้าเล่นด้วยกันยังคุยกันไม่พอเช่นนั้นหรือ”
โม่เซี่ยวเหนียงอดทนกับฉู่เฉียวอีมาตลอดทั้งเย็น ตอนนี้ไม่อยากจะทนอีกแล้ว จึงหันกายเดินกลับเรือนของตน ทว่าฉู่เฉียวอีมองเห็นสีหน้าของโม่เซี่ยวเหนียงไม่ชัดเจน จึงเดินตามมาแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงพระราชทานเจ้าแก่เขา พระองค์ไม่รู้หรือว่าพวกเจ้าอายุห่างกันเพียงใด เจ้ากับท่านพ่อกลับมาช้ากว่าสุยเฟิงหลายวัน คงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้องค์หญิงเสาหวาเคยหมายตาสุยเฟิงไว้ หลายครั้งที่งานเลี้ยงนางมักจะรีบเข้าไปพูดคุยกับเขา อีกทั้งบุตรสาวขี้โรคของนางคนนั้นก็รีบตามมาด้วย เรียกสุยเฟิงว่าญาติผู้พี่ ข้าเห็นแล้วก็รู้ว่านางถูกใจเขา แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายสุยเฟิงจะแต่งงานกับเจ้า…”
โม่เซี่ยวเหนียงรู้ดียิ่งกว่าฉู่เฉียวอีว่าองค์หญิงเสาหวาเป็นคนเช่นไร ฝ่ายนั้นไม่มีทางโมโหตาย แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง ก่อนหน้านั้นนางก็จะลากคนที่ทำให้ตนเองโมโหตายมาสับเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นก่อน
สิ่งสำคัญที่สุดคือก่อนหน้านี้องค์หญิงเสาหวาก็เคยหมายตาเซียวเยวี่ยเหอ ทว่าเซียวเยวี่ยเหอมีใจให้โม่เซี่ยวเหนียง จึงทำให้องค์หญิงเสาหวาก่อเรื่องใหญ่โต จ้างพวกโจรมาลักพาตัวนาง
แล้วตอนนี้องค์หญิงเสาหวายังหมายตาฮั่วสุยเฟิงอีก แต่ฮั่วสุยเฟิงกลับจะแต่งงานกับโม่เซี่ยวเหนียง เรื่องนี้จะไม่ทำให้องค์หญิงเสาหวาโกรธจนโทสะปะทุหรือ
แต่ตอนที่โม่เซี่ยวเหนียงถามฉู่เฉียวอีว่าองค์หญิงเสาหวาเคยเจรจาเรื่องแต่งงานกับฮั่วสุยเฟิงหรือไม่ ฉู่เฉียวอีกลับไม่รู้เรื่อง แต่นึกขึ้นได้ว่าเหมือนงานเลี้ยงในวังครั้งสุดท้ายก่อนเกิดการก่อกบฏ หานอวิ้นเซี่ยนจู่นามหวันหวั่นผู้นั้นนั่งอยู่ในงานเลี้ยงครู่หนึ่งแล้วก็หายตัวไป
หลังจากนั้นก็ไม่เห็นสองแม่ลูกคู่นี้ปรากฏตัวอีก
โม่เซี่ยวเหนียงนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมขององค์หญิงเสาหวาแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
Comments
