วันถัดมา โม่เซี่ยวเหนียงจึงไปถามฮั่วสุยเฟิงที่มาขอกินอาหารว่า “องค์หญิงเสาหวาเคยเจรจาเรื่องแต่งงานกับเจ้าหรือไม่”
ฮั่วสุยเฟิงเห็นสีหน้าตึงเครียดราวกับเผชิญกับศัตรูร้ายกาจของนางแล้วก็คลี่ยิ้มบางๆ “ข้าเป็นเพียงญาติห่างๆ ของเชื้อพระวงศ์ ทั้งยังตกอับ แน่นอนว่าไม่กล้าล่วงเกินพระธิดาองค์โปรดของฝ่าบาท อีกทั้งเหมาะสมกับบุตรสาวขี้โรคของนางพอดี นางย่อมเคยกล่าวถึงเรื่องแต่งงาน”
โม่เซี่ยวเหนียงได้ยินคำตอบแล้วก็รู้สึกปวดศีรษะ นางรีบถามต่อด้วยความกังวล “แล้วเจ้าตอบไปว่าอย่างไร”
ฮั่วสุยเฟิงจงใจแสร้งทำเป็นเงียบ รอจนโม่เซี่ยวเหนียงอยากรู้จนทนไม่ไหวและจะยื่นมือมาดึงหูเขา เขาถึงค่อยๆ ตอบ
“นางเพิ่งจะเอ่ยปาก บุตรสาวของนางก็ดื่มสุราในงานเลี้ยงจนเมามายแล้วไปทำเรื่องบัดสีกับบุตรชายขององค์ชายรองในตำหนักข้างเคียง ถูกนางกำนัลจับได้แล้วทูลรายงานต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้กริ้วอย่างยิ่ง ทรงเรียกองค์หญิงเสาหวาไปดุด่าในห้องทรงพระอักษรว่ามารดาเป็นเช่นไร บุตรก็เป็นเช่นนั้น ครอบครัวนี้ประพฤติตนไม่เหมาะสม ทำให้ราชสำนักเสื่อมเสีย นางจึงไม่มีเวลามาตอแยข้าอีก”
ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่ฮั่วสุยเฟิงพูด เหตุการณ์วุ่นวายในตอนนั้นทำให้คนที่รู้เรื่องตกตะลึงอ้าปากค้างกันทั้งนั้น
ฮั่วเวยบุตรชายชายาเอกขององค์ชายรองนั้นมีภรรยาเอกอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เหตุการณ์นี้จึงจบลงยาก องค์หญิงเสาหวาอยากให้ฮั่วเวยหย่าภรรยาและแต่งบุตรสาวของนางเป็นภรรยาเอกแทน
แต่น่าเสียดายที่ภรรยาเอกของฮั่วเวยเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของน้องสาวภรรยาของน้องชายเชียนฮุ่ยกุ้ยเฟยผู้ล่วงลับ จึงนับว่ามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันหลายชั้น
แม่ยายของบุตรชายองค์ชายรองเป็นน้องสาวภรรยาของน้องชายเชียนฮุ่ยกุ้ยเฟย อาศัยเส้นสายของพระมาตุลา พระมาตุลาผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ตั้งแต่เด็ก ไม่เกรงกลัวองค์หญิงเสาหวาที่มีนิสัยเอาแต่ใจอยู่แล้ว นึกถึงครั้งนั้นมารดาขององค์หญิงเสาหวาก็แข่งขันกับพี่สาวเขาเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานของฮ่องเต้อยู่หลายครั้งหลายครา แล้วมีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องไว้หน้านางด้วย
พอได้ยินว่าองค์หญิงเสาหวาเร่งให้หลานเขยบ้านตนหย่าหลานสาวของเขา เขาจึงบุกไปถึงจวนทะเลาะกับองค์หญิงเสาหวาจนอลหม่านวุ่นวายยังไม่พอ ถึงกับคว้ากรรไกรมาตัดผมองค์หญิงเสาหวาแล้ววิ่งไปร้องไห้หน้าหลุมฝังศพของพี่สาวที่ด่วนจากไป พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ครอบครัวถูกรังแกจนเป็นเช่นนี้
องค์หญิงเสาหวาเคยได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้เสียที่ไหน นางอาละวาดไปถึงในวัง ร้องขอความเป็นธรรมจากฮ่องเต้โดยเอาผมที่เหมือนถูกสุนัขกัดมาให้ดู ต้องการจะให้ฮั่วเวยหย่าภรรยาให้จงได้และแต่งตั้งบุตรสาวของนางเป็นภรรยาเอกแทน
แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์กบฏขององค์ชายรอง องค์หญิงเสาหวาและบุตรสาวของนางก็ถูกชายาเหลียนเฟยหลอกเข้าไปในวังด้วยเช่นกัน
กล่าวกันว่าตอนนั้นพวกองครักษ์รวมตัวกันอยู่ในห้องหนึ่ง ย่ำยีสองแม่ลูกคู่นี้จนหมดสภาพ มองคราเดียวก็รู้ว่าพระมาตุลาเล่นสกปรกเพื่อระบายความโกรธ
เมื่อเหตุการณ์กบฏในวังสงบลง ตอนที่หาสองแม่ลูกคู่นั้นพบ พวกนางก็เสียสติไปแล้ว ฮ่องเต้เองก็ยอมรับเรื่องอัปยศเช่นนี้ไม่ได้ จึงปรึกษากับราชบุตรเขย ต้องการปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ผู้อื่นรู้ จึงส่งสองแม่ลูกไปไกลจากเมืองหลวง
โม่เซี่ยวเหนียงเองก็เพิ่งได้ใคร่ครวญเรื่องนี้ในภายหลัง รู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าการก่อกบฏอย่างรีบเร่งขององค์ชายรองนั้นเป็นเพราะถูกสตรีใจหยาบอย่างองค์หญิงเสาหวากดดันหรือไม่
เพียงแต่เหตุใดหานอวิ้นเซี่ยนจู่ถึงได้ยอมมีสัมพันธ์ลับๆ กับญาติผู้พี่ฮั่วเวยที่มีพุงพลุ้ยและดูดิบเถื่อนผู้นั้น ซึ่งก็เป็นปริศนาที่ยังไม่อาจคลี่คลายได้
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 ก.ค. 68