บทที่ 94
โม่เซี่ยวเหนียงตักเตือนไปเช่นนี้ ในที่สุดคนของบ้านใหญ่ก็กลับไปด้วยความไม่พอใจ
ตลอดการเดินทางนี้ช่างเหนื่อยล้าจริงๆ โม่เซี่ยวเหนียงไม่อยากเสียเวลาไปกับญาติที่เห็นแก่ตัวพวกนี้ เนื่องจากพื้นที่คฤหาสน์ใหญ่โตเหลือเกิน ผู้ดูแลได้เตรียมเกี้ยวเบาะนุ่มไว้หลายหลัง หลังเชิญคุณหนูและฮูหยินขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้วก็ให้คนแบกไปยังเรือนของแต่ละคน
พวกบ่าวไพร่ต้มน้ำไว้ให้คุณหนูและฮูหยินล่วงหน้า โปรยน้ำหอมจากกลีบดอกไม้ให้บรรดานายหญิงได้แช่น้ำอุ่นคลายความเหนื่อยล้า
ขณะที่กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า โม่เซี่ยวเหนียงก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นางจึงเรียกให้คนไปบอกฉู่เฉียวอีว่าอย่าเพิ่งแช่น้ำ ขอให้หมอตรวจชีพจรก่อน
ตลอดการเดินทางครั้งนี้ฉู่เฉียวอีกินอะไรก็ไม่ถูกปาก อีกทั้งมีอาการง่วงงุน ให้หมอตรวจสักหน่อยจะเหมาะกว่า
ปรากฏว่าไม่นานนักหานเยียนก็เข้ามาบอกด้วยความยินดีปรีดาว่าหมอตรวจชีพจรแล้วพบว่าฉู่เฉียวอีตั้งครรภ์ สามีของฉู่เฉียวอีก็ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก
โม่เซี่ยวเหนียงเองก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย นางจึงสั่งให้หานเยียนไปบอกมารดา และรอให้บิดากลับมาจากการดื่มสุรา จะได้บอกให้เขารู้ข่าว
วันรุ่งขึ้น ฉู่เฉียวอีเดินเข้ามาหาโม่เซี่ยวเหนียงด้วยใบหน้าที่ฉายแววปีติยินดี
โม่เซี่ยวเหนียงเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จ ที่ชนบทยามเช้าและยามเย็นอากาศหนาวเย็นมาก นางจึงสวมเสื้อขนสัตว์นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ดีดลูกคิดอยู่ที่โต๊ะเล็ก
ฉู่เฉียวอีเดินเข้ามาดึงโต๊ะพี่สาวออกไปทันทีแล้วบอกว่า “เป็นถึงเซี่ยนจู่แล้วยังจะมานั่งดีดลูกคิดเหมือนคนทำบัญชีที่ร้านอยู่อีก เจ้ารู้เรื่องของข้าแล้วใช่หรือไม่”
โม่เซี่ยวเหนียงจำต้องถือพู่กันด้วยมือข้างหนึ่ง ถือสมุดบัญชีด้วยมืออีกข้างหนึ่ง รีบจดตัวเลขที่เพิ่งคำนวณเสร็จเมื่อครู่นี้แล้วเอ่ยตอบ
“เมื่อวานข้าเป็นคนเรียกหมอมาเองแล้วจะไม่รู้ได้อย่างไร เจ้าเองก็กำลังจะเป็นมารดาแล้ว เหตุใดถึงใจร้อนเช่นนี้ รีบวางโต๊ะลงเถิด ค่อยๆ ยืดตัว”
สาวใช้ของฉู่เฉียวอีที่อยู่ข้างๆ รีบรับโต๊ะเล็กไปจากนายหญิงของตนแล้ววางกลับไปให้คุณหนูใหญ่สกุลฉู่เช่นในตอนแรก
โม่เซี่ยวเหนียงเก็บสมุดบัญชีแล้วพูดต่อ “แม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ฝ่าบาทจะทรงมีพระพระเมตตารับสั่งให้กรมอากรจ่ายเงินชดเชยเบี้ยหวัดทหารซีเป่ยที่ค้างชำระ ทำให้เงินในคลังของบ้านเราคล่องตัวขึ้น แต่อะไรที่ประหยัดได้ก็ยังต้องประหยัด ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างศาลบรรพชนต้องคำนวณให้ละเอียด จะได้ไม่เกิดการหลอกลวงทั้งเบื้องสูงเบื้องล่างและไม่ทำให้เงินขาดบัญชี”
เห็นได้ชัดว่าฉู่เฉียวอียังคงจมจ่อมอยู่ในความสุขใจกับข่าวดีที่มาอย่างกะทันหันเมื่อวานนี้ นางนั่งลงข้างๆ โม่เซี่ยวเหนียงและใช้ไหล่ดันอีกฝ่าย
“หมอโรคสตรีที่เจ้าหามาให้ข้านี่เก่งจริงๆ! แค่ยาสองสามชุดข้าก็ตั้งครรภ์แล้ว ถ้าได้พบหมอเร็วกว่านี้ บุตรข้าคงได้วิ่งเล่นเต็มบ้านแล้ว”
โม่เซี่ยวเหนียงทำหน้าจริงจัง “หมอผู้นั้นก็พูดอยู่ว่าการแท้งก่อนหน้านี้ของเจ้าบั่นทอนสุขภาพไปบ้าง ถ้ามีบุตรเร็วกว่านี้ เจ้าจะต้องลำบากแน่นอน มิสู้พักฟื้นและดูแลสุขภาพสักสองสามปีแล้วค่อยมีจะเหมาะสมกว่า ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ ต่อให้เจ้าร่ำไห้ต่อหน้าท่านพ่อให้ตาย ท่านพ่อก็คงไม่ยอมให้เจ้าเดินทางกลับบ้านเกิดเด็ดขาด ช่วงสามเดือนแรกนี้สำคัญยิ่ง เจ้าต้องพักฟื้นอยู่ในจวน ห้ามไปไหนทั้งนั้น”
พอได้ยินเช่นนี้แล้วฉู่เฉียวอีก็ทำหน้าลังเล โม่เซี่ยวเหนียงรู้ว่านางต้องกำหนดวันไปเยี่ยมสกุลเยวี่ยแล้วเป็นแน่ คงเตรียมตัวจะพาบุตรเขยสกุลซั่นไปพบมารดา