แต่ตอนนี้นางเห็นโอกาสที่จะได้เปลี่ยนชีวิต มีคนจากเบื้องบนสั่งการมา หากนางทำงานนี้สำเร็จจะได้รับเงินทอง ถึงตอนนั้นนางก็ไปจากสกุลเซิ่งได้ และไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายของตนเอง
ดังนั้นวันนี้นางจึงอ้างว่าจะไปขอบุตรที่ศาลเจ้าแม่ ทั้งยังพาสาวใช้ออกมาด้วย จากนั้นก็ตรงมาร้องไห้ฟูมฟายที่นี่ ขอเพียงทำให้โม่เซี่ยวเหนียงโมโหจนถึงขั้นที่ต่อว่าและตบตีนางได้ นางก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะทำให้โม่เซี่ยวเหนียงเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
แต่คาดไม่ถึงว่าไม่ว่านางจะพูดอย่างไร โม่เซี่ยวเหนียงกลับนิ่งสงบไม่หวั่นไหว ปล่อยให้นางแสดงละครไปเรื่อยๆ จนตอนหลังถึงได้บอกอย่างไม่รีบร้อนว่าได้เชิญมารดาสามีของนางมาแล้ว
ไม่นานนักหลังจากโม่เซี่ยวเหนียงพูดจบ เซิ่งฮูหยินมารดาสามีของปี้หวนก็มาถึงอย่างรีบร้อน เมื่อลงจากรถม้าเห็นปี้หวนที่ปล่อยผมยาวสยายร้องไห้ฟูมฟายอยู่ นางก็เดือดดาลขึ้นมา
เซิ่งฮูหยินเคยประสบกับเรื่องร้ายในครอบครัว ทำให้นางต้องระวังตัวในทุกเรื่อง กลัวว่าจะทำให้ราชสำนักไม่พอใจและเกิดเรื่องใหญ่ตามมาในภายหลัง
แต่ตอนนี้ปี้หวนนางคนชั้นต่ำผู้นี้กลับล่วงเกินเซี่ยนจู่ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งด้วยตนเอง เอาชื่อเสียงบุตรชายของตนมาเป็นเครื่องมือทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง
เมื่อสาวใช้ของโม่เซี่ยวเหนียงพาคนมาส่งข่าว เซิ่งฮูหยินก็โมโหจนร่างสั่น พาบ่าวรับใช้รีบร้อนเดินทางมา ตั้งใจจะปิดปากนางคนชั้นต่ำแล้วลากตัวกลับไป
เมื่อปี้หวนเห็นว่าเซิ่งฮูหยินมาถึงก็ลอบร้องในใจว่าแย่แล้ว และวันนี้ดูเหมือนเซิ่งฮูหยินจะไม่คิดแสร้งทำตัวดีอีกต่อไป ดวงตาของนางฉายแววอำมหิต ปี้หวนมั่นใจว่าหากนางล้มเหลวกลับไปในวันนี้ เซิ่งฮูหยินอาจส่งคนมาโยนนางลงบ่อยามกลางดึกอย่างแน่นอน
ดังนั้นนางจึงตัดสินใจยอมเสี่ยงทุกอย่าง ลงมือให้ถึงที่สุด ออกแรงบีบถุงเลือดที่ใส่ไว้ในกระเพาะปัสสาวะหมูซึ่งผูกไว้ที่ขา เลือดไหลทะลักเปรอะเปื้อนถุงเท้าสีขาวใต้กระโปรงนางทันที จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดัง
“เซี่ยนจู่โปรดไว้ชีวิตด้วย โปรดเมตตาบุตรในครรภ์ข้าด้วย…”
แผนการเดิมของนางคือตอนที่โม่เซี่ยวเหนียงถูกยั่วโมโหแล้วลงโทษนาง นางค่อยบีบถุงเลือดให้แตก
แต่ตอนนี้ทำได้เพียงลงมือเช่นนี้ ถึงอย่างไรคุณหนูทุกคนก็อยู่ที่นี่ เมื่อมีคนพูดมากเข้า ข่าวลือก็กลายเป็นจริงได้
ขอเพียงทำให้ข่าวลือแพร่ออกไปอย่างอึกทึกครึกโครม ถึงตอนนั้นย่อมมีรายงานกล่าวโทษว่าฉู่เซิ่นกลับบ้านเกิดแล้วโอ้อวดบารมี ให้ท้ายบุตรสาวจนก่อความวุ่นวายในชนบท รังแกชาวบ้าน…ปี้หวนเป็นคนใจกล้ามาโดยตลอด ท่าทางที่จับท้องร้องไห้ตะโกนช่างเหมือนเด็กสาวไร้ที่พึ่งพาที่ถูกสตรีสูงศักดิ์ข่มเหง
ทางด้านเซิ่งฮูหยินตกตะลึงเล็กน้อย เดิมทีก็สงสัยว่าไม่เห็นปี้หวนร่วมห้องกับบุตรชายเท่าใดนัก แต่พอคิดดูแล้วนางก็อาจตั้งครรภ์จริงๆ ก็ได้ ส่วนโม่เซี่ยวเหนียงก็ไม่รีบร้อน เพียงถามสาวใช้ที่ส่งไป
“ได้เชิญหมอมาพร้อมกันด้วยหรือไม่”
สาวใช้ยอบกายคารวะแล้วตอบว่า “บ่าวกลัวว่าเชิญมาคนเดียวจะตรวจไม่แม่นยำ จึงเชิญมาคราเดียวสามคนเจ้าค่ะ”
โม่เซี่ยวเหนียงโบกมือให้หมอสามคนที่ถือล่วมยาเดินเข้ามาตรวจชีพจรของปี้หวน ปี้หวนเห็นดังนั้นมีหรือจะยอม นางพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ถูกองครักษ์สองคนก้าวเข้ามากดร่างไว้แน่น
ไม่นานนักหมอคนหนึ่งก็พูดอย่างประหลาดใจว่า “ชีพจรปกติดี ไม่เหมือนคนที่ตั้งครรภ์หรือแท้งสักนิด!” หมออีกสองคนพอตรวจแล้วก็เห็นด้วยกับวาจาของเขา
เวลานี้หากเซิ่งฮูหยินยังดูไม่ออกอีกว่าแผนการของปี้หวนคืออะไรก็ถือว่าใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนได้อย่างสูญเปล่าแล้ว นางถลึงตาจ้องด้วยความโกรธพร้อมกับเดินเข้าไปเลิกชายกระโปรงของปี้หวนขึ้น เห็นกางเกงข้างใต้นั้นเต็มไปด้วยเลือด
ถุงเลือดปลอมซึ่งผูกไว้ที่ขาเผยออกมาให้เห็นทันที ทำให้บรรดาคุณหนูและฮูหยินที่มองดูอยู่ต่างตกใจและเริ่มซุบซิบกันเบาๆ
“นี่มีเจตนาใช้อุบายข่มขู่เซี่ยนจู่หรือ อนุจากครอบครัวไหนกัน ไม่กลัวบ้างหรือว่าจะทำให้ครอบครัวสามีเดือดร้อน”
“ตอนนั้นคุณชายเซิ่งต้องเสียสติไปแล้วเป็นแน่ที่ยอมละทิ้งการแต่งงานกับสกุลฉู่เพื่อคนชั้นต่ำเช่นนี้”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 30 ก.ค. 68