บทที่ 96
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เซิ่งฮูหยินโกรธจนร่างสั่น นางรีบคุกเข่าลงที่พื้นร้องขอความเมตตาและขออภัยฮุ่ยหมิ่นเซี่ยนจู่
“ข้าดูแลอนุของบุตรชายไม่ดี ปล่อยให้นางมารบกวนเซี่ยนจู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าละอายของครอบครัวเรา ขอเซี่ยนจู่โปรดให้อภัยด้วย ข้าจะกลับไปลงโทษนางคนชั้นต่ำผู้นี้ให้จงหนักแน่นอน”
แต่ฮุ่ยหมิ่นเซี่ยนจู่เพียงยิ้มบางกล่าวว่า “วันนี้ข้าเพียงแค่พาน้องชายน้องสาวมาเที่ยวเล่นที่ทะเลสาบ แต่กลับเผชิญเคราะห์ร้ายโดยไม่คาดคิด โชคดีที่คุณหนูและฮูหยินทั้งหลายอยู่ที่นี่และเป็นพยานให้ข้าได้ ตอนนี้บิดาของข้าได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ เป็นขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งในราชสำนัก บุตรอย่างเรายิ่งต้องระวังการกระทำของตนเอง หากปล่อยให้เรื่องนี้แพร่ออกไปอย่างคลุมเครือก็คงเหมือนที่ปี้หวนพูดว่าข้าใช้อำนาจข่มเหงจนทำให้นางแท้งบุตร ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องในครอบครัวของเซิ่งฮูหยินอีกต่อไป ข้าคงต้องแจ้งให้ทางการลงบันทึกไว้ และจะได้แก้ไขความเข้าใจผิดด้วย”
เมื่อเซิ่งฮูหยินเห็นอดีตว่าที่ลูกสะใภ้จะจัดการด้วยความเป็นธรรมเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่น จึงพูดเสียงสั่นเครือ
“เซี่ยนจู่ ท่าน…ไม่ต้องจัดการอย่างไร้เยื่อถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง หากจะแค้นก็ขอให้แค้นข้าที่ไม่สามารถดูแลบ้านให้ดี จนปล่อยให้นางคนชั้นต่ำเจ้าเล่ห์ผู้นี้เข้ามาในครอบครัว…”
แต่โม่เซี่ยวเหนียงไม่อยากฟังนางพูดถึงเรื่องราวในอดีตอีก จึงลุกขึ้นแล้วกล่าวเรียบๆ “พวกเราต่างก็เป็นสตรีในเรือน ต้องเผชิญกับคนเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนาง เป็นใครย่อมไม่อาจสู้ได้ โชคดีที่คนเป็นขุนนางเห็นโลกมามาก ท่านพูดกับข้าก็ไม่มีประโยชน์ แค่รอฟังว่าเจ้าเมืองจะตัดสินคดีนี้อย่างไรก็พอ” พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อโม่เซี่ยวเหนียงเข้าไปนั่งในเกี้ยวกลับมีเหงื่อเย็นไหลออกมาจากต้นคอ
ตอนที่ปี้หวนเริ่มโวยวายแรกๆ โม่เซี่ยวเหนียงไม่ได้สนใจอะไรนัก คิดว่าเป็นเพียงการหาเรื่องเรียกร้องผลประโยชน์เท่านั้น
นางเคยเปิดบริษัทเอเจนซี่ เคยพบแอนตี้แฟนมาแล้วทุกประเภท นางยึดมั่นในหลักการสำคัญสามข้อ ได้แก่ ไม่ปะทะ ไม่ด่าทอตอบโต้ และต้องมีพยานเสมอ โม่เซี่ยวเหนียงจึงสั่งให้คนไปตามเซิ่งฮูหยินมาตั้งแต่แรก
แต่ตอนที่สั่งคนไปตามเซิ่งฮูหยิน จู่ๆ โม่เซี่ยวเหนียงก็สะดุดใจนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงสั่งให้เชิญหมอมาด้วย
แผนการแต่ละขั้นของปี้หวนต่อจากนี้เรียกได้ว่าโม่เซี่ยวเหนียงคาดการณ์ไว้หมดแล้วทุกอย่าง จะพูดให้ละเอียดลึกซึ้งสักหน่อยก็คือเหมือนกับเหตุการณ์ที่โม่เซี่ยวเหนียงตัวประกอบหญิงผู้ชั่วร้ายในนิยายต้นฉบับถูกสกุลเซียวยุยง นางจึงส่งสาวใช้ของตนไปสร้างเรื่องใส่ร้ายผู้ใต้บังคับบัญชามือขวาของพระเอก
ในนิยายต้นฉบับมีการผูกถุงเลือดไว้ที่ขาเช่นกัน แล้วสาวใช้ก็ไปร้องไห้ฟูมฟายสร้างความวุ่นวายต่อหน้าภรรยาเอกของขุนนางผู้นั้นจนภรรยาเอกของเขาโกรธจัด ผลักสาวใช้จนล้ม ทำให้เลือดไหลไม่หยุด…
และเรื่องนั้นก็กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการฟ้องร้องถอดถอนขุนนางผู้นั้นและฮั่วสุยเฟิงออกจากราชสำนัก
แม้ว่าสถานการณ์นี้จะมีสาเหตุของความวุ่นวายที่แตกต่างกัน แต่อุบายกลับเหมือนกันยิ่ง ต่างพุ่งเป้าไปที่ความประพฤติอันไม่เหมาะสมของครอบครัวขุนนาง แล้วจะไม่ให้โม่เซี่ยวเหนียงระมัดระวังตัวได้อย่างไร
และแม้ว่าเซิ่งฮูหยินจะขอร้อง ไม่อยากให้เรื่องนี้เปิดเผยต่อฝูงชน แต่โม่เซี่ยวเหนียงก็ไม่อาจตอบตกลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีปี้หวนก็เป็นคนของเซียวเยวี่ยเหอ หากนางได้รับคำสั่งจากสกุลเซียวก็ยิ่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล!
นางจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ มีทั้งพยานและหลักฐานอยู่ครบ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครนำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างกล่าวหาว่าบิดาเลี้ยงของนางมีความผิดในภายหลัง
เพียงแต่ความรู้สึกที่ถูกจับตามองเช่นนี้ทำให้นางอึดอัด เหมือนกับตอนที่ศิลปินในสังกัดของนางถูกโจมตีโดยคู่แข่งได้ว่าจ้างมือรับจ้างโพสต์เพื่อปั่นข่าว รอเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวในวันจันทร์ รอให้กระแสคนถล่มใส่เหมือนระเบิด