บทที่ 2
เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนที่สนิทกันมาหลายปี อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เธอพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง ในที่สุดใบหน้างามก็เผยอารมณ์หดหู่ออกมา
เธอคิดมาตลอดว่าตนเองแข็งแกร่ง สามารถรับผิดชอบทุกอย่างคนเดียวได้ เดินอยู่ในเมืองใหญ่ หากมีฝีมือจะทำอะไรก็ง่ายดาย
แต่ความเป็นจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอมองโลกในแง่ดีและตามืดบอดเกินไป
ความรักกับอาชีพการงานเคยทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจ แต่ไม่รู้ว่าเธอจัดการมันจนเละเทะไปหมดตั้งแต่เมื่อไร
ในสังกัดมีนักแสดงจำนวนมาก ทำให้บอสใหญ่อย่างเธอไม่สามารถดูแลสามีได้ทุกเรื่อง เธองานยุ่ง จึงไม่สามารถตัวติดกับเขาได้ตลอดเวลาเหมือนตอนแรกๆ ตารางงานทั้งหมดถูกส่งให้ผู้จัดการและผู้ช่วยที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาไปดูแล ดังนั้นจึงทำให้เธอกับเจิงฝานเจอกันน้อยห่างกันเยอะ
เธอคิดเสมอว่าเขาจะรับรู้ถึงความทุ่มเทและความเสียสละของเธอทุกอย่าง แต่ยิ่งเป็นความรักที่สดใหม่และมีชีวิตชีวามากเท่าไร อายุของมันก็ยิ่งสั้นลงเท่านั้น
แล้วก็นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ช่วยตัวน้อยที่เข้ามาในบริษัทได้ไม่ถึงปีอย่างไป๋ฉีอวี่จะเป็นคุณหนูบ้านรวยที่ปกปิดฐานะที่แท้จริง อีกทั้งยังลุ่มหลงในตัวเจิงฝานมานานหลายปี
ปรากฏว่าหลังจากที่ไป๋ฉีอวี่ดูแลเจิงฝานอย่างใกล้ชิดได้หนึ่งปีก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปสปาร์กกันตอนไหน
และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้การแต่งงานซึ่งเปราะบางมานานแล้วมุ่งหน้าไปสู่ความล้มเหลวก็คือการจากไปด้วยโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลันของพ่ออู๋เซี่ยวเซี่ยว
อู๋เซินทำธุรกิจมาหลายปี จู่ๆ เงินทุนหมุนเวียนก็ขาดสภาพคล่องเพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา ผลจากการสร้างช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่หลายแห่งพร้อมกันคือเขาเป็นหนี้ธนาคารสูงถึงหลายพันล้านหยวน
จากทายาทตระกูลเศรษฐีรุ่นที่สอง อู๋เซี่ยวเซี่ยวกลายเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ใจดำทันควัน ลูกจ้างบริษัทของพ่อมักรวมตัวกันถือป้ายทวงเรียกเงินเดือนอยู่หน้าประตูบริษัทของเธอ รวมถึงทีมวิศวกรก่อสร้างแต่ละแห่งที่ช่วยสำรองเงินจ่ายไปก่อนมาตลอด ตอนนี้ก็พากันมาทวงเงินค่าก่อสร้างด้วยเช่นกัน
ในไม่ช้าหน้าประตูบริษัทเอเจนซี่ที่แฟนคลับมารวมตัวกันเป็นประจำก็มักมีคนหลายประเภทรวมกลุ่มกันมาร้องโหวกเหวกโวยวาย ด่าทอสาปแช่งไม่จบไม่สิ้น
เจิงฝานขอหย่ากับเธอในเวลานี้และเป็นฝ่ายลงมือจัดการก่อน พูดเรื่องแต่งงานลับๆ มาหลายปีพร้อมกับเรื่องน่าเศร้าที่ชักนำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ฟังดูตื้นตันกระตุ้นต่อมน้ำตาของผู้คน เป็นการกระทำที่ฉลาดอย่างยิ่ง
แม้เขาจะคุยโวว่าหย่าไปตัวเปล่า มอบทรัพย์สินทั้งหมดให้อู๋เซี่ยวเซี่ยว แต่ความใจกว้างที่แสดงความเป็นผู้ชายอย่างเต็มที่แบบนี้ก็แลกมาซึ่งความเห็นใจจากกระแสสังคม ทำให้ภาพลักษณ์ผู้ชายใจประเสริฐของเขาแข็งแกร่งและได้รับความนิยมสูงขึ้น
ขอแค่ยังเป็นที่นิยมอยู่ จะหาเงินเอาทรัพย์สินกลับมาก็แค่รับงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาไม่กี่ตัวเท่านั้น
ในทางกลับกันถ้าเขายังผูกติดอยู่กับอู๋เซี่ยวเซี่ยว ต่อให้หาค่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณามาได้มากแค่ไหนก็ไม่พอโปะหนี้ก้อนโตที่พ่อของอู๋เซี่ยวเซี่ยวทิ้งไว้ให้ ดีไม่ดียังจะถูกเรือใหญ่ที่กำลังจะจมลากเข้าไปในน้ำวนอันเชี่ยวกรากและยากที่จะเป็นอิสระได้อีก
แต่ว่า…เขาวางแผนเก่งไปเกินไปหน่อยไหม
ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนเจิงฝานแอบบอกอู๋เซี่ยวเซี่ยวว่าอยากพักผ่อนสักหน่อย ให้เธอเอางานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาและงานต่างๆ ที่อยู่ในมือเขาส่งต่อให้เด็กใหม่ในสังกัดเธอ
สามีภรรยาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้วคนอื่นรู้ได้อย่างไร เขาเองก็ไม่เคยมีท่าทีว่าจะเปิดเผยเรื่องอยากพักผ่อนต่อหน้าผู้คน นี่จึงเป็นสาเหตุให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวคิดจะควบคุมเจิงฝาน จงใจตัดช่องทางของเขาและดองงานเขา
ตอนนี้ทุกเรื่องตระเตรียมพร้อมสรรพ เจิงฝานพบคนหนุนหลังคนใหม่อย่างไป๋ฉีอวี่แล้วมาโจมตีคนเก่าอย่างเธอคนนี้อย่างกำเริบเสิบสาน คิดจะถอนตัวอย่างหมดจดจากการแต่งงานห้าปีนี้
และดูเหมือนว่านอกจากจะเซ็นใบหย่าแต่โดยดี เธอก็ไม่มีทางถอยอื่นให้กล่าวถึง
พึงรู้ว่าเธอเป็นผู้จัดการดารา หากปล่อยข้อมูลลับที่เกี่ยวข้องกับเจิงฝานออกไปในเวลานี้ ไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว สาดโคลนใส่สามีเก่าเพื่อทวงความบริสุทธิ์ให้ตนเอง ถึงตอนนั้นกระแสสังคมจะรุนแรงยิ่งกว่าเก่า
แล้วในสายตาของนักแสดงคนอื่น ผู้จัดการดาราที่น่ากลัวแบบนี้ใครยังจะกล้าเอาอาชีพการแสดงของตนเองมาฝากไว้ในมือของอู๋เซี่ยวเซี่ยวอีก
และเมื่อไรที่อาชีพการงานของอู๋เซี่ยวเซี่ยวพังลง สกุลอู๋ที่จมบ่อโคลนก็จะยิ่งเหมือนเกล็ดน้ำค้างซ้ำเติมหิมะขาวโพลน ไม่เหลือพื้นที่ให้ประนีประนอม