แม้ความเป็นจริงจะบีบบังคับ แต่ในวัยสามสิบสี่ปีที่การแต่งงานล้มเหลว เธอไม่อาจดื่มเหล้าเมามายโศกเศร้าคร่ำครวญเหมือนผู้หญิงอายุยี่สิบปีได้
หากมีเวลามาเศร้า เธอก็จะเอามาเศร้ากับพ่อของตนเองที่เป็นโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน พ่อรักเธอขนาดนั้น และทำทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเธอเสมอ แต่ในตอนที่พ่อต้องการความช่วยเหลือที่สุด เธอกลับทำอะไรเพื่อพ่อไม่ได้เลย
หญิงสาวลูบหยกดำกลมกลึงที่คอชิ้นนั้น นี่คือหยกที่พ่อได้มาจากอารามแห่งหนึ่งใกล้พม่าตอนเธออายุหกขวบ ว่ากันว่ามีพลังที่สื่อถึงวิญญาณและความเป็นความตายได้
แน่นอนว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวไม่มีทางเชื่อเรื่องลี้ลับที่เอามาหลอกนักท่องเที่ยวพวกนั้น ตอนนี้ที่เธอใส่หยกชิ้นนี้ไว้ตลอดเพียงเพราะเห็นว่านี่คือความทรงจำที่พ่อทิ้งไว้ให้เธอ
เธอในตอนนี้มีแต่ต้องทำงานต่อไป สะสางเรื่องวุ่นวายในบริษัทและในชีวิต แบกรับภาระเดินหน้าต่อ
และความเศร้าพวกนั้นต่อให้อยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิทก็ไม่จำเป็นต้องร้องไห้คร่ำครวญ ตีโพยตีพายเหมือนสะใภ้เสียงหลิน
เธอจึงพยายามควบคุมอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ในใจ ชูบทละครหนาๆ ในมือ เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างไม่ใส่ใจ “บทละคร ‘ฟูมฟักจอมราชัน’ นี่เธอฟันธงแล้วเหรอ บทแนวฮาเร็มแบบนี้จะปังเหรอ”
เสิ่นเยวี่ยรู้ว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็ทำได้แค่เห็นใจเพื่อน ไม่พูดแทงใจดำอีก เปลี่ยนมาคุยเรื่องงานแทน
“บทละครนี้ก่อนหน้านี้ฉันอุตส่าห์ไปแย่งมาได้ นิยายต้นฉบับเป็นงานเขียนชื่อดังในเว็บนิยายเว็บใหญ่ ถึงพล็อตจะน้ำเน่าแนวฮาเร็ม แต่ปัจจุบันนักอ่านชอบแนวนี้แหละ พล็อตเลิศ ได้รับความนิยมมาก ก่อนหน้านี้เธออยากเปลี่ยนแนวให้…เจิงฝานไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยไปแย่งบทเย็นชาใจดำแบบนี้มาให้…”
อู๋เซี่ยวเซี่ยวพลิกเปิดดูบทละคร สองสามวันมานี้เธออ่านนิยายต้นฉบับอย่างเร่งรีบ ความจริงแล้วเมื่อเทียบกับนิยายต้นฉบับ บทละครมีการปรับเปลี่ยนไปมาก เหมาะสำหรับเอามาฉายบนจอโทรทัศน์ แต่น่าเสียดายที่เจิงฝานย้ายไปซบบริษัทเอเจนซี่ใหม่แล้ว บทนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องเปลี่ยนตัวนักแสดง แต่ในหมู่นักแสดงชายภายใต้สังกัดของเธอ คนที่เหมาะจะเป็นพระเอกเจ้าเสน่ห์เจนโลกแบบนี้เดิมทีก็มีไม่มากอยู่แล้ว หากไม่สามารถเข้าถึงบทบาทได้ ยิ่งงานเขียนชื่อดังมากก็ยิ่งย้อนกลับมาทำร้ายนักแสดงอย่างรุนแรง ช่างน่าปวดหัวจริงๆ
อาจเป็นเพราะรู้ว่าอู๋เซี่ยวเซี่ยวกำลังลังเล จู่ๆ เสิ่นเยวี่ยก็มีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาทันตา เธอลดเสียงลงแล้วเอ่ยขึ้น
“เธอลองเดาซิ ช่วงนี้มีเทพระดับซูเปอร์สตาร์คนไหนที่ติดต่อฉันมา สนใจจะเซ็นสัญญากับบริษัทเรา”
อู๋เซี่ยวเซี่ยวเลิกคิ้ว นึกไม่ออกว่ามีเทพองค์ไหนในวงการที่กล้ากระโดดลงปลักโคลนของมารสาวบ้าตัณหาการเงินล้มละลายอย่างเธอในยามวิกฤตนี้
เสิ่นเยวี่ยเก็บท่าทางลิงโลดไม่อยู่ เอ่ยขึ้นว่า “ซุป’ตาร์เซินหย่วน! เธอดูสิ เธอยังไม่ถือว่าดวงซวยนะ ยามสัปหงกมีคนส่งหมอนมาให้หนุน พระเอกเรื่อง ‘ฟูมฟักจอมราชัน’ เหมาะกับเซินหย่วนพอดีเลย!”
ตอนนี้อู๋เซี่ยวเซี่ยวตกใจเข้าแล้วจริงๆ
จะว่าไปแล้วระดับของเซินหย่วนอยู่เหนือเจิงฝานไปไกลมาก
ซูเปอร์สตาร์หนุ่มคนนี้ห่างหายจากจอโทรทัศน์ไปนานแล้ว เขามุ่งมั่นอยู่กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของตะวันตก มิหนำซ้ำยังเป็นกรรมการประจำในเทศกาลภาพยนตร์อีกมากมาย
แม้บางครั้งเซินหย่วนจะรับงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาแบรนด์หรูระดับแนวหน้าอยู่บ้าง แต่เวลาส่วนใหญ่มักผลุบๆ โผล่ๆ ไม่สนใจที่จะเปิดเผยตัวต่อสาธารณะบ่อยๆ เพื่อรักษาความฮอตเหมือนอย่างเจิงฝาน
ดังนั้นที่เสิ่นเยวี่ยบอกว่าเซินหย่วนยอมลดค่าตัวมาอยู่ภายใต้สังกัดบริษัทเอเจนซี่ของพวกเธอที่ดูแลศิลปินดาราที่มีฐานแฟนคลับเยอะเป็นหลักจึงเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ที่สำคัญที่สุดคือจะว่าไปแล้วอู๋เซี่ยวเซี่ยวกับเซินหย่วนก็นับว่ายังเป็นคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน