แม้หูซื่อจะตั้งใจแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่อาจคาดหวังอะไรได้ หลังส่งจางมามากลับไปก็ทำได้เพียงนั่งเศร้าอยู่ที่ขอบเตียงเตาเพียงลำพัง
แต่ตอนที่นางมองผ่านหน้าต่างไปก็เห็นโม่เซี่ยวเหนียงบุตรสาวของตนกำลังพยายามหมุนรอกตักน้ำอยู่
หูซื่อมองแขนขาเล็กบอบบางของบุตรสาว ยามหิ้วถังน้ำก็ดูน่าอกสั่นขวัญแขวน จึงถามโม่เซี่ยวเหนียงว่าจะเอาถังน้ำไปทำอะไร
โม่เซี่ยวเหนียงตอบอย่างจริงจังว่าจะต้มน้ำให้มารดาอาบ
หูซื่อซูบผอมไปมากเพราะชีวิตที่ลำบากยากแค้น แต่สำคัญที่สุดคือร่างกายสกปรกยิ่ง สตรีมอมแมมเช่นนี้ อนาคตในตลาดการแต่งงานจะเป็นไปด้วยดีได้อย่างไร อู๋เซี่ยวเซี่ยวคิดจะให้หูซื่อจัดการตนเองให้สะอาดสะอ้าน
แต่หูซื่อได้ยินแล้วก็ฝืนยิ้ม ลูบศีรษะของบุตรสาวก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้ารักสะอาด แต่ที่พูดกับเจ้าก่อนหน้านี้เจ้าลืมไปแล้วหรือ หญิงม่ายลูกติดอย่างข้าไม่มีผู้ใดช่วยเฝ้าเรือน…ดูสกปรกสักหน่อยจะดีกว่า…”
พอหูซื่อพูดเช่นนี้โม่เซี่ยวเหนียงก็เข้าใจทันที
นางลืมไปแล้วว่านี่ไม่ใช่สมัยปัจจุบันที่สตรีจะสร้างเนื้อสร้างตัวเองได้ นอกจากหูซื่อจะขาดแคลนเงินแล้วยังต้องคอยระวังความปลอดภัยส่วนตัวของสองแม่ลูกอย่างพวกนางตลอดเวลา แม้พวกนางจะอาศัยอยู่ในเมือง ความสงบเรียบร้อยก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวที่ไม่มีบุรุษเป็นหัวหน้าครอบครัว
สกปรกซอมซ่อสักหน่อยเป็นเพียงวิธีปกป้องตนเองของสตรีเท่านั้น
จากเรื่องนี้เห็นได้ว่าแม้หูซื่อมีชาติกำเนิดไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่สตรีที่คิดจะใช้ชีวิตโดยอาศัยแต่ความงามของสตรี พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเลือกเส้นทางนั้นเพราะตนมีไข้สูงจนชักกระตุกก็ยิ่งชวนสะอื้นอย่างไม่อาจทนได้
อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่กลายเป็นโม่เซี่ยวเหนียงหวังจากใจจริงว่าหูซื่อจะได้แต่งกับคนดีๆ ให้ครึ่งชีวิตที่เหลือของสตรีชะตาอาภัพผู้นี้ได้มีที่พึ่งพิง
หลังสองแม่ลูกพูดคุยกันเสร็จ หูซื่อก็หวีผมให้บุตรสาวครู่หนึ่งแล้วพากันออกไปหาซื้อเข็มกับด้าย
แม้อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่กลายเป็นโม่เซี่ยวเหนียงจะสงสัยว่าทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเป็นภาพลวงตาของคนตายล้วนๆ แต่ตอนที่อยู่ในฉากบนถนนที่ผู้คนเบียดเสียดคับคั่งเดินขวักไขว่ มองร้านรวงรอบๆ ธงร้านค้าปลิวไสว กระเบื้องเคลือบชายคาบ้านคนมั่งมี บ้านเรือนที่งดงาม นางก็ยังคงมองเหม่อด้วยความตกตะลึงอยู่ดี
เมื่อก่อนนางไปโรงถ่ายทำภาพยนตร์ระดับท็อปในประเทศหลายแห่งเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้ดูโบราณแท้ๆ เช่นนี้
นี่เป็นการยืนยันอีกครั้งว่านางทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแล้วจริงๆ
แต่ยุคสมัยที่เลียนแบบสมัยซ่งนี้ วิถีชีวิตของผู้คนเหมือนจะเปิดกว้าง ทุกแห่งล้วนมีสตรีจับกลุ่มกันเดินผ่านไปมาในย่านการค้า บางครั้งก็มีเกวียนเทียมวัวหลายประเภทและมีรถม้าวิ่งผ่านไปมา กลุ่มคนจอแจราวกับคลื่นที่ซัดสาดทะลักออกมา อีกครู่หนึ่งก็รวมตัวกันอยู่ที่หนึ่ง มีระเบียบซ่อนอยู่ในความวุ่นวาย
โม่เซี่ยวเหนียงในตอนนี้คิดว่าตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน ทั้งวันมีแต่การประชุมน้อยใหญ่และต้องไปร่วมงานเลี้ยงดื่มสังสรรค์ น้อยมากที่จะมีเวลาว่างไปพักผ่อน แต่ตอนนี้กลับว่างอย่างยิ่ง ได้มาผ่อนคลายกายและใจถึงยุคโบราณ
นางถอนใจยาวเหยียด แม้ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่ก็เผลอซื้อทัวร์โลว์คอสต์ไปแล้ว ทุกวันกินแต่โจ๊ก กินจนแทบอยากจะกัดแขนหนึ่งคำให้หายหิวจริงๆ
หูซื่อเห็นโม่เซี่ยวเหนียงผ่านหน้าแผงขายน้ำแกงต้มกระดูกหมู พอได้กลิ่นแล้วก็ทำท่าทางเหมือนจะเดินต่อไม่ได้ ในใจก็รู้สึกย่ำแย่เช่นกัน จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลายวันนี้ข้าเย็บหน้ารองเท้าได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ประเดี๋ยวซื้อเข็มกับด้ายเสร็จแล้วจะไปดูที่แผงขายปลาสักหน่อย หากมีปลาตัวเล็กๆ จะซื้อมาแกะเนื้อทำน้ำแกงปลาให้เจ้ากิน”
ถึงแม้อู๋เซี่ยวเซี่ยวจะควบคุมน้ำลายในกระพุ้งแก้มไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่เด็กแล้ว พอได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นทันที