“ท่านแม่ ข้าไม่อยากกิน ตอนนี้ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว เก็บเงินไว้มากๆ สักหน่อยเถิด พอเข้าฤดูหนาวจะได้มีถ่านเผาไฟใช้”
หูซื่อไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลังป่วยหนักบุตรสาวของตนนับวันก็ยิ่งรู้ความ ไม่ทำสีหน้าบึ้งตึงเช่นแต่ก่อน ทั้งวันประเดี๋ยวก็ขุ่นเคืองว่าบิดาไม่สนใจพวกนาง ประเดี๋ยวก็ตำหนิที่นางมีชาติกำเนิดไม่ดี ทำให้บุตรสาวลำบากไปด้วย
เมื่อสองแม่ลูกกลมเกลียวกันดี ในใจหูซื่อก็รู้สึกผ่อนคลายมาก หลังซื้อเข็มกับด้ายเสร็จ คิดอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็ไปที่หน้าแผงขายซาลาเปา ซื้อซาลาเปาไส้ผักรวมร้อนกรุ่นลูกหนึ่งให้โม่เซี่ยวเหนียงกิน
อู๋เซี่ยวเซี่ยวอยากกินจะแย่แล้ว พอหูซื่อพานางเข้าไปในตรอกที่ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านแล้วนางก็เริ่มกัดซาลาเปา
แม้ไส้ซาลาเปาลูกนั้นจะเป็นผักรวมจากป่าเขา แต่ก็ผ่านการคลุกมันหมูมา พอกัดไปหนึ่งคำน้ำมันก็อบอวลอยู่บนปลายลิ้น อู๋เซี่ยวเซี่ยวกินไปพลางน้ำตาคลอไปพลาง
แต่พอกินไปสองสามคำแล้วก็ส่งซาลาเปาที่เหลือให้หูซื่อ มารดาเองก็ไม่ได้กินอาหารดีๆ มาหลายวันแล้วเช่นกัน กินสักหน่อยจะได้หายอยาก
ทว่าหูซื่อทำใจกินไม่ลง เอาแต่บอกว่าตนไม่หิว ให้โม่เซี่ยวเหนียงกินให้หมด
สองแม่ลูกผลักกันไปผลักกันมา จู่ๆ ก็มีเงาดำเล็กพุ่งออกมาจากด้านข้าง แย่งซาลาเปาลูกใหญ่ไป
อู๋เซี่ยวเซี่ยวตาค้าง มองสิ่งตรงหน้าที่เหมือนลูกสุนัขสีดำกินซาลาเปาจนหมดภายในไม่กี่คำ
หูซื่อกลั้นโทสะไม่อยู่ ถามเสียงสั่น “นี่เด็กจากบ้านใดกัน เหตุใดถึงมาแย่งของกินของผู้อื่น”
เด็กชายที่ดูเหมือนอายุเพียงเจ็ดแปดขวบผู้นั้นกินคำสุดท้ายเสร็จแล้วก็เช็ดปากทีหนึ่ง ไม่พูดไม่จา หันหลังจะจากไป
อู๋เซี่ยวเซี่ยวจะปล่อยโจรน้อยผู้นี้ไปได้อย่างไร นางก้าวเข้าไปกระชากคอเสื้อเด็กชายทันที
คิดไม่ถึงว่าเด็กชายผู้นั้นจะรู้วรยุทธ์ พอถูกกระชากคอเสื้อแล้วเขาก็ใช้แรงอย่างชาญฉลาด พลิกมือหมายจะบิดข้อมือของอู๋เซี่ยวเซี่ยว แรงจากมือนั้นมากไม่ใช่เล่น ไม่เหมือนเด็กน้อยจริงๆ
อู๋เซี่ยวเซี่ยวได้รับการศึกษาชั้นเลิศมาตั้งแต่เด็ก อู๋เซินรู้สึกว่าลูกสาวของตนเองสะสวย กลัวว่าลูกสาวจะเสียเปรียบ จึงตั้งใจจัดคอร์สเทควันโดและยูโดให้
สองคอร์สนี้อู๋เซี่ยวเซี่ยวเรียนจนเชี่ยวชาญได้ขั้น พอเห็นโจรน้อยผู้นี้จะโจมตีอีกหลายที นางจึงพลิกข้อมือเปลี่ยนท่าเขาทันที จากนั้นเรียวขาใต้กระโปรงก็วาดสูงขึ้นเป็นท่ากรรไกรเกี่ยวรัดโจรน้อยกดลงกับพื้น
ตอนนี้ไม่ใช่แค่โจรน้อยที่มีสีหน้าตกตะลึง หูซื่อที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน บุตรสาวของตนกล้าหาญเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เมื่อครู่นี้นางตาลายไปชั่วขณะ รู้สึกเพียงว่ากระโปรงของบุตรสาวสะบัดพลิ้ว ร่างพลิกคราหนึ่งแล้วทำให้เด็กชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น
เคราะห์ดีที่ไม่มีใครเห็น หาไม่แล้วเด็กหญิงที่ทำเช่นนี้เท่ากับประพฤติตนไม่เหมาะไม่ควร
แต่เด็กเหลือขอนั่นเห็นได้ชัดว่าเป็นโจรโดยกำเนิด แม้จะถูกคุมตัวแล้วก็ยังคงขัดขืนอย่างสุดกำลัง
พอเห็นว่าเด็กชายกำลังจะกัดบุตรสาวตน หูซื่อก็รีบเข้าไปช่วยกดศีรษะของเด็กชายให้บุตรสาวแล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นบุตรบ้านใด เหตุใดจึงทำตัวเป็นอันธพาลเช่นนี้”
เด็กชายผู้นั้นปิดปากเงียบ แต่อู๋เซี่ยวเซี่ยวรู้วิธีรับมือกับเด็กสารเลวเช่นนี้ จึงถลึงตาใส่แล้วเอ่ยขึ้น “หากไม่เรียกบิดามารดาเจ้ามาก็จะจับตัวเจ้าไปฟ้องศาล ขังเจ้าไว้ในคุก!”
พอพูดว่าจะพาไปหาตำรวจก็ได้ผลดังคาด ในที่สุดเด็กชายสกปรกมอมแมมนั่นก็อ้าปากพูด “บิดา…บิดาข้าป่วย เงินค่าเดินทางก็ถูกขโมยไป เขาถูกโจรทำร้าย นอนอยู่ที่อารามร้างนอกเมืองทางทิศตะวันตก ไม่มีผู้ใดดูแล…ข้าจะชดใช้ซาลาเปาให้เจ้า รีบปล่อยข้าเร็วๆ!”