โม่อิ๋งถิงญาติผู้พี่ของโม่เซี่ยวเหนียงผู้นั้นก็เป็นภรรยาคนแรกในบรรดาภรรยาแปดคนของพระเอก ทั้งสองเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นรักแรกในวัยเยาว์ของพระเอก เป็นกุหลาบขาวดอกหนึ่งในหัวใจของเขา
แน่นอนว่าสุดท้ายรักแรกของพระเอกก็โชคร้ายถูกคนชั่วทำร้าย วิญญาณกลับคืนสู่สวรรค์ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ นับจากนั้นพระเอกก็เจ็บปวดรวดร้าวแทบใจสลาย ไร้หัวจิตหัวใจ จำต้องแต่งภรรยาอีกเจ็ดคนมาเพื่อกล่อมเกลาตนเอง และผู้ที่ทำให้โม่อิ๋งถิงตายก็มิใช่ใครอื่น คือนางโม่เซี่ยวเหนียงนั่นเอง…
เพียงแต่เนื่องจากการทะลุมิติของอู๋เซี่ยวเซี่ยวทำให้การเสียชื่อเสียงและการได้รับความอัปยศอดสูของหูซื่อล่าช้าออกไป มิฉะนั้นหูซื่อในเวลานี้ย่อมไม่มีทางพาบุตรสาวมาเดินซื้อของอย่างสบายใจได้แน่ มีแต่จะเก็บตัวสะอื้นไห้อยู่ในเรือน และยิ่งไม่มีทางพบเรื่องที่ฉู่สุยเฟิงฉกชิงซาลาเปา
ดังนั้นเส้นเรื่องสองเส้นที่ยังไม่มาบรรจบกันก็ได้มาบรรจบกันล่วงหน้าเช่นนี้
นึกมาถึงตรงนี้อู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ดึงสาบเสื้อของหูซื่อ ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านแม่ พวกเราหาวิธีช่วยท่านลุงผู้นั้นเถิด มิฉะนั้นหากเขาตายไป ทิ้งน้องชายตัวน้อยผู้นี้ไว้แล้วจะน่าสงสารเพียงใดกัน”
เนื่องจากอ่านบทละครหลากหลายแนวมานานปี อู๋เซี่ยวเซี่ยวจึงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของพระเอกดี และนางก็ไม่มีความกล้าที่จะไปสังหารฆ่าฟันผู้คน เช่นนั้นก็ชิงบีบคอพระเอกให้ตายตอนที่เขายังเป็นเด็กดีกว่า
ในเมื่อวันหน้าอาจมีความแค้นเรื่องที่นางไปสังหารภรรยาของเขา ตอนนี้ก็ลองช่วยบิดาบุญธรรมของเขาดูสักหน่อย
สังหารภรรยากับช่วยบิดาบุญธรรมอะไรจะสำคัญกว่ากัน
ดีไม่ดีวันหน้าตอนที่พระเอกจะแทงนางก็ยังมีความหลังให้พูดคุยกันได้บ้าง
เดิมทีหูซื่อก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว กอปรกับใจอ่อน เห็นบุรุษผู้นั้นน่าสงสารก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้พอได้ยินบุตรสาวพูดเช่นนี้ นางเองก็คิดว่าเรื่องที่เกี่ยวพันถึงชีวิตคนเป็นเรื่องใหญ่ จะทิ้งญาติห่างๆ ของสกุลโม่ผู้นี้ไว้โดยไม่เหลียวแลก็ไม่ดี
เพียงแต่จะช่วยอย่างไร ในใจนางกลับไม่มีแผนการ
อู๋เซี่ยวเซี่ยวเดินเข้าไปแหวกสาบเสื้อบุรุษผู้นั้น มองคราเดียวก็รู้ว่าบาดแผลที่หน้าอกของเขาเริ่มเน่า ต้องจัดการบาดแผลให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้อาการย่ำแย่ลงไปอีก แต่ตอนนี้ไม่มียาฆ่าเชื้อ จะทนผ่านด่านที่เหลือได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาแล้ว
อารามร้างเก่าแก่ทรุดโทรมแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะอยู่อาศัย เคราะห์ดีเรือนเล็กของหูซื่ออยู่ห่างออกไปไม่ไกล หูซื่อจึงไม่สนข้อห้ามที่ว่าบุรุษสตรีไม่ควรใกล้ชิด หาไม้มาให้ฉู่เซิ่นยันแล้วเดินกลับบ้าน
เวลานี้ฟ้ามืดแล้ว หูซื่อคิดเพียงว่าช่วยคนเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่ทันสนใจรักษาระยะห่างกับบุรุษ ประคองบุรุษผู้นั้นเข้าไปในเรือนเล็กของตนโดยมีบุตรสาวและเด็กชายคอยช่วย
เนื่องจากกลับมาถึงค่ำ บ้านใกล้เรือนเคียงทั้งซ้ายขวาปิดประตูเรือนกันหมดแล้ว จึงลดคำซุบซิบนินทาจากเพื่อนบ้านไปได้
แม้จะรู้จักกันได้ไม่ถึงครึ่งวัน แต่ฉู่เซิ่นก็มองออกว่าหูซื่อเป็นสตรีที่มีจิตใจดีงาม เขาล้วงดาบพกเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อตน ก่อนไหว้วานให้หูซื่อเอาไปจำนำ แลกเงินเอาไว้ไปหาหมอ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ให้ฉู่สุยเฟิงที่อายุเจ็ดขวบเอาดาบไปจำนำ หนึ่งเพราะนี่คือของป้องกันตัว สองคือนี่เป็นอาวุธที่รักยิ่ง หากไม่สุดวิสัยจะตัดใจจำนำลงได้อย่างไร
เดิมทีนึกว่าจะทนบาดแผลนี้ได้ แต่ยามค่ำคืนกลับเป็นไข้จนสติพร่าเลือน หากไม่ได้น้ำเย็นพรมใบหน้าจากโม่เซี่ยวเหนียง ฉู่เซิ่นคงเป็นไข้หมดสติจริงๆ ไปแล้ว ไม่ทันได้กำชับฉู่สุยเฟิงที่อายุยังน้อยว่าควรรับมืออย่างไรด้วยซ้ำ
หูซื่อรู้ว่าอาการบาดเจ็บของฉู่เซิ่นจะรอช้าไม่ได้ นำดาบพกไปที่โรงจำนำในคืนนั้นทันที