กิจการของโรงจำนำเปิดทั้งวันทั้งคืน ของที่เข้าโรงจำนำจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นของโจรที่ได้มาอย่างไม่สุจริต โดยทั่วไปจะหลบคนเอามาขายในยามวิกาล และการเปิดกิจการโรงจำนำ อยากจะหาเงินก็ต้องใจกล้าสักหน่อย เจ้าของโรงจำนำจึงต้องเดินเส้นทางมืดดำอย่างเลี่ยงได้ยาก ปิดตาข้างหนึ่งไม่สนใจที่มาของสิ่งของเหล่านั้น
ลูกจ้างที่โรงจำนำรับดาบพกมาแล้วก็ไม่แม้แต่จะถาม เห็นว่าดาบพกทำจากบางอย่างที่หนักอึ้ง ดูไม่ธรรมดาจริงๆ อีกทั้งเห็นสตรีผู้นี้มาในยามค่ำคืน เกรงว่าคงจะได้ดาบพกมาอย่างไม่ถูกต้อง จึงกดราคาต่ำอย่างไม่สมเหตุสมผล นับเงินห้าตำลึงจ่ายให้หูซื่อ นางหยิบเงินมาแล้วก็รีบไปเชิญหมอต่อทันที
หมอเองก็รีบรุดมาถึง จากนั้นใช้ทักษะอันช่ำชองเผามีดคว้านเนื้อ โรยผงยาห้ามเลือด แล้วส่งเทียบสั่งยาแก้อักเสบให้หูซื่อไปหามาต้มให้ผู้บาดเจ็บดื่ม
สรุปว่าบุรุษในบทละครที่เดิมทีควรจะหมดลมหายใจ หลังจากเป็นไข้ต่อเนื่องสามวันแล้วในที่สุดไข้ก็ลดลง สีหน้าก็ดีขึ้นหลังจากที่ได้หูซื่อกับโม่เซี่ยวเหนียงบุตรสาวอายุสิบสองปีดูแลอย่างเอาใจใส่
แต่เรื่องที่ในเรือนเล็กของหูซื่อมีบุรุษก็เหมือนกระดาษห่อไฟไม่ได้ สตรีที่เป็นเพื่อนบ้านของหูซื่อเอาหูแนบกำแพงได้ยินข้างบ้านมีเสียงพูดของบุรุษ จึงออกไปเที่ยวพูดส่งเดชทันที
ภายในเวลาไม่กี่วันก็เล่าลือกันทั่วหัวถนนและท้ายตรอกว่าหูซื่อเป็นคนที่ตัดสินจากภายนอกไม่ได้จริงๆ เจ้าบ้านเพิ่งจากไปได้ไม่ถึงหนึ่งปี ถึงกับรับบุรุษมาอยู่ในเรือนอย่างเงียบเชียบ
คราวนี้จางมามาแม่สื่อประจำถนนผู้นั้นจึงมีข้ออ้างบอกปัด ฉวยโอกาสมาเอาเสื้อผ้าที่ซักและลงแป้งมองเข้าไปในเรือนด้วยความอยากรู้อยากเห็นพลางพูดคุยกับหูซื่อว่านางมิใช่คนไร้น้ำใจไม่ยอมช่วยเหลือ เมื่อหูซื่อเอ่ยปากกับนาง พอนางหมุนกายจากไปแล้วก็ตั้งใจรีบหาคนที่เหมาะสมให้อย่างสุดความสามารถ
ภรรยาเอกของคนขายเนื้อสกุลจางที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองไม่มีบุตร ต้องการหาอนุเข้าบ้าน แต่เดิมคนขายเนื้อถูกใจที่หูซื่อเคยมีบุตรมาก่อน มั่นใจว่าพอแต่งเข้ามาแล้วจะมีทายาทเต็มบ้านเหมือนต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขา ดีกว่าเด็กสาวพวกนั้นที่ไม่รู้ว่าจะออกไข่ได้หรือไม่ แต่ใครจะรู้ว่าพอเรื่องที่หูซื่อลอบเลี้ยงดูบุรุษหลุดลอดออกไป เขาก็พูดจาเหน็บแนมจางมามาทันที ทำเอานางลำบากใจไม่น้อย
หูซื่อที่ถูกกระทบกระเทียบเปรียบเปรยทั้งทางตรงทางอ้อมก็อับอายสุดทน รีบขออภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายค่าซักผ้าและลงแป้งห้าอีแปะก็ไม่เอาแล้ว ถือเสียว่าเลี้ยงจางมามาดื่มชากินผลไม้
จางมามาบอกเลิกคำสัญญาได้ อีกทั้งยังได้เปรียบอีกฝ่าย นางย่อมพออกพอใจอย่างยิ่ง จากนั้นก็หันกายเดินบิดบั้นท้ายอวบอ้วนจากไปอย่างไม่เกรงใจ
อู๋เซี่ยวเซี่ยวพาฉู่สุยเฟิงไปซักผ้าที่ลานบ้าน เห็นเหตุการณ์ที่หูซื่อถูกทำให้อับอายก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน
หูซื่อมีพื้นเพเป็นนักแสดงงิ้ว อีกทั้งเป็นภรรยานอกสมรสที่ตระกูลใหญ่ทิ้งขว้าง ตอนนี้เพราะช่วยฉู่เซิ่นจึงทำให้ตนเองเสียชื่อในหมู่เพื่อนบ้าน ชีวิตหลังจากนี้ก็ยิ่งหมดหวัง
นี่ทำให้อู๋เซี่ยวเซี่ยวตระหนักได้อย่างลึกซึ้งอีกครั้งว่าที่นี่ไม่ใช่ยุคสมัยที่นางอยู่ ประสบการณ์ในการแก้ปัญหาของนางใช้ไม่ได้กับที่นี่
พึงรู้ว่าในยุคสมัยของนาง ต่อให้ถูกโจมตีอย่างรุนแรงทางอินเตอร์เน็ต ทั้งถูกด่าทอและถูกเขียนต่อว่า ขอเพียงนางอู๋เซี่ยวเซี่ยวมีจิตใจเข้มแข็งก็สามารถยืนหยัดในเส้นทางของตนเอง ใช้ชีวิตต่อไปได้
แต่หูซื่อไม่ใช่อู๋เซี่ยวเซี่ยวที่อยู่ในยุคปัจจุบัน สตรีบอบบางผู้นี้ หากทุกคนบนถนนสายนี้ถ่มน้ำลายใส่คนละทีก็คงทำให้อีกฝ่ายจมน้ำลายจนตายทั้งเป็น
และในนิยายต้นฉบับหลังจากหูซื่อรับแขกเพื่อช่วยบุตรสาวแล้วก็แค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เพียงเพื่อเลี้ยงบุตรสาวให้เติบใหญ่เท่านั้น
แต่หลังจากที่โม่เซี่ยวเหนียงถูกแขกย่ำยีจนมีมลทิน นางก็รับความสะเทือนใจไม่ได้ กอปรกับถูกโม่เซี่ยวเหนียงบุตรสาวในนิยายต้นฉบับด่าทออย่างเกรี้ยวกราด นางจึงกระโดดบ่อน้ำตายด้วยความรู้สึกผิด
โยนพล็อตนิยายต้นฉบับที่เหมือนอุจจาระสุนัขทิ้งไปก่อนยังไม่ต้องพูดถึง หลังอู๋เซี่ยวเซี่ยวมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยใบนี้ นางก็ได้บทเรียนที่ประทับฝังลึกลงไปในใจอีกครั้ง นั่นก็คือชื่อเสียงของสตรีต้องทะนุถนอมดั่งนัยน์ตา ทุกเรื่องต้องไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน จะเดินพลาดไม่ได้แม้เพียงครึ่งก้าว!
และฉู่เซิ่นที่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนก็ได้ยินคำพูดของจางมามาเมื่อครู่นี้เช่นกัน
สองสามวันมานี้เขารู้ตัวตนของหูซื่อกระจ่างแจ้งแล้วเช่นกัน ที่แท้นางเป็นภรรยานอกสมรสของคุณชายรองสกุลโม่ แต่คุณชายรองสกุลโม่ผู้นั้นพอได้นางแล้วก็ทอดทิ้ง ตอนนี้ไม่ยอมดูแลนางแล้ว
ดูจากสภาพในเรือนเล็กของนางก็เห็นได้ว่าสองแม่ลูกคู่นี้อยู่กันอย่างยากลำบากเพียงใด และตอนนี้หูซื่อก็เสียชื่อเสียงเพราะช่วยชีวิตเขา ในใจของฉู่เซิ่นนั้นรู้สึกทรมานยิ่งนัก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 มิ.ย. 68