ตอนนี้หูซื่อถึงขั้นเลี้ยงดูบุรุษไว้ในเรือน เล่าลือกันทั่วทุกตรอกซอกซอย เป็นโอกาสเหมาะแก่การลงมือพอดี เมื่อพ่อบ้านได้ยินดังนั้นก็รีบเรียกผู้ใต้บังคับบัญชามารวมตัวและเรียกผู้ใหญ่บ้านที่ตรอกมาจับชู้ไล่คน
แต่น่าเสียดายตอนที่พวกเขาย้ายบันไดมาปีนกำแพงลานบ้านบุกเข้าเรือนปีกทางทิศตะวันตกก็เห็นเพียงบุรุษผู้นั้นนอนอยู่บนเตียงไม้กับบุตรชายวัยเจ็ดขวบ ไม่ได้ร่วมห้องนอนใต้ผ้านวมผืนเดียวกันกับหูซื่อ
แต่พ่อบ้านเตรียมตัวมาแล้ว แม้ไม่อาจจับชู้คาเตียงก็จะขู่เรื่องที่หูซื่อมีบุรุษอยู่ในเรือน
โม่เซี่ยวเหนียงตื่นตอนที่คนพวกนั้นบุกเข้าห้องของนางกับมารดา จากนั้นก็พบว่าสถานการณ์หนึ่งที่กล่าวถึงในนิยายต้นฉบับมาถึงแล้ว
ในนิยายต้นฉบับหลังจากมารดาเปลี่ยนอาชีพเป็นผู้ให้บริการทางเพศ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปีนางกับมารดาก็ถูกพ่อบ้านสกุลโม่ขับไล่ออกจากเรือน ความอับอายขายหน้าที่มารดาถูกพ่อบ้านฉีกเสื้อตบหน้าต่อหน้าเพื่อนบ้านทำให้โม่เซี่ยวเหนียงซึ่งเป็นตัวประกอบหญิงยิ่งมีจิตใจอ่อนไหวและบิดเบี้ยว ภายหลังถึงขั้นห้ามผู้อื่นไม่ให้พูดเรื่องของหูซื่อ
แต่เสียงเอ็ดตะโรที่ทุกคนรอคอยเงียบลงไปครึ่งหนึ่งเมื่อฉู่เซิ่นตื่นขึ้นมา
พ่อบ้านนึกไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะมีร่างสูงใหญ่กำยำมากถึงเพียงนี้! อีกทั้งมีสีหน้าเย็นชา แผ่โทสะคุกรุ่นไปทั่วร่าง มองคราเดียวก็รู้ว่าไม่ควรไปหาเรื่องด้วย ความมั่นใจตอนพูดจึงหายไปเล็กน้อย
ฉู่เซิ่นมองครู่หนึ่ง ท่าทางคนพวกนี้จะเตรียมการมาแล้ว จึงรู้ว่าพวกเขาตั้งใจมากลั่นแกล้งหูซื่อสองแม่ลูก
ถึงอย่างไรพ่อบ้านผู้นั้นก็ยังทำหน้าที่ของตนเองต่อไป เขารวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นบุรุษป่าเถื่อนจากที่ใด เข้ามาพักในเรือนเล็กสกุลโม่ของพวกเราโดยที่เจ้าบ้านยังไม่อนุญาตได้อย่างไร”
ฉู่เซิ่นมีหรือจะยอมให้อีกฝ่ายโวยวายใส่ เขายื่นแขนยาวผลักคนพวกนั้นออกไปจากห้องแล้วเอ่ย “ไม่เข้ามาทางประตู แต่ข้ามกำแพงบุกรุกเข้ามา เจ้าเป็นเจ้าของเรือนนี้เช่นนั้นหรือ”
พ่อบ้านผู้นั้นถลึงตาเอ่ย “ข้าเป็นพ่อบ้านสกุลโม่ เจ้าบ้านไม่อยู่เมืองเฟิ่ง ข้าย่อมต้องช่วยสอดส่องดูแล! หูซื่อไม่ปฏิบัติตามจารีตประเพณีที่สตรีพึงปฏิบัติ จะปล่อยให้นางทำตัวน่าอับอายขายหน้าในเรือนนี้ได้อย่างไร”
ฉู่เซิ่นขึ้นเสียงเอ่ยถาม “เจ้ามีสัญญาซื้อขายตัวหรือหนังสือสมรสของหูซื่อหรือไม่”
ผู้ใหญ่บ้านตอบไม่ได้ เพียงหันไปมองพ่อบ้านสกุลโม่
พ่อบ้านหนวดชี้ แค่นหัวเราะตอบ “ภรรยานอกสมรสผู้หนึ่งจะไปมีหนังสือสมรสได้อย่างไร คุณชายรองสงสารนาง สัญญาซื้อขายตัวย่อมไม่มีเช่นกัน!”
ฉู่เซิ่นหัวเราะเยาะ “ในเมื่อไม่มีอะไรก็เท่ากับบอกว่านางไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลโม่ของพวกเจ้า พวกเจ้าบุกรุกเข้ามาอย่างคนอันธพาลเช่นนี้มีอย่างที่ใดกัน”
พ่อบ้านถลึงตาตอบ “ทุกอย่างที่นางกินดื่มอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของสกุลโม่ แต่นางกลับลอบเลี้ยงดูบุรุษอย่างเจ้า ยังมีหน้าอาศัยอยู่ในเรือนที่สกุลโม่ซื้อมาอีกหรือ”
ฉู่เซิ่นยิ้มหยันพลางสาวเท้าเดินไปที่หน้าประตูลานบ้าน จากนั้นเปิดประตูให้เหล่าเพื่อนบ้านที่มาชมความครึกครื้นเข้ามา ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง
“คนสกุลโม่ไร้ความรับผิดชอบ ปล่อยให้บ่าวปลิ้นปล้อนทำให้สองแม่ลูกที่ไร้ที่พึ่งต้องเดือดร้อน พวกเจ้าบอกว่าเอาเงินมาเลี้ยงดูพวกนาง แล้วเหตุใดพวกนางสองคนต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการซักผ้าเย็บผ้า เพื่อนบ้านซ้ายขวาล้วนอยู่ตรงนี้ ต่างรู้เรื่องภายใน ส่วนข้านั้นเดิมทีก็เป็นสหายเก่าของนายท่านผู้เฒ่าสกุลโม่ของพวกเจ้า ถูกโจรปล้นและได้รับบาดเจ็บ ขอความช่วยเหลือจากสกุลโม่ แต่กลับถูกบ่าวปลิ้นปล้อนปฏิเสธ เคราะห์ดีได้แม่นางหูช่วยเหลือจึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ตอนนี้พูดกันอย่างเปิดเผย พวกนางเองก็ต้องกินต้องใช้ ในเมื่อสกุลโม่ไม่ยอมดูแลพวกนาง เช่นนั้นก็ให้ข้าเป็นผู้ดูแลก็แล้วกัน ต่อไปพวกนางกับสกุลโม่ตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง วันนี้มีทั้งพยานและหลักฐาน มีผู้ใหญ่บ้านและเพื่อนบ้านเป็นพยาน พวกนางสองแม่ลูกจะไม่เอาสิ่งของของสกุลโม่ไปแม้แต่ชิ้นเดียว นับจากนี้ไม่ว่าพิธีแต่งงานหรือพิธีศพล้วนไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก!”