แม้ไม่เคยเห็นด้วยที่หลานชายเปลี่ยนภรรยาบ่อย แต่ณัฐมนยังพยายามมองในแง่ดีเพราะคิดว่าอย่างไรเสียการที่พู่แพรอยู่กับแม่เลี้ยงย่อมดีกว่าอยู่กับพ่อเลี้ยง ขณะภัทรยศเข้าใจถึงความกังวลของแม่เพราะเดี๋ยวนี้มักมีข่าวพ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง ทว่าอย่างไรในความคิดของเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแม่ทั้งหมด เพราะไม่ว่าพู่แพรจะอยู่ในความดูแลของผู้หญิงหรือผู้ชายย่อมไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น ภัทรยศมองสีหน้าไม่สบายใจของแม่พลางนึกถึงหลานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักวัยสิบขวบซึ่งเขาเองไม่เคยรู้ว่าใครเป็นแม่ของเธอเพราะเกียรติชัยเล่าแค่ว่าวันหนึ่งผู้หญิงที่เคยนอนด้วยอุ้มพู่แพรมาให้แล้วบอกเป็นลูก ครั้นพอตรวจดีเอ็นเอว่าตรงกันเกียรติชัยก็รับมาเลี้ยงเพราะอีกฝ่ายไม่ต้องการพู่แพร
“ลองคุยกับพี่เกียรติอีกครั้งมั้ยครับ”
“แม่คิดอย่างนั้นอยู่ แต่คงไม่ยอมตามเคย…แม่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ตัวเองมัวติดผู้หญิงจนไม่มีเวลาอยู่กับลูกแท้ๆ”
“พี่เกียรติคงรักพู่แพรเหมือนกันครับ อีกอย่างถ้าให้พู่แพรมาอยู่กรุงเทพฯ พี่เกียรติคงเห็นว่าไกลเกินไป”
“ไม่เห็นไกล นั่งเครื่องบินแค่ชั่วโมงเดียวเอง” ณัฐมนนึกถึงจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนบน “แต่ช่างเถอะ ถึงเกียรติไม่ยอมยกพู่แพรให้แม่เลี้ยงตอนนี้ แต่แม่วางแผนไว้แล้วว่าอีกหน่อยจะบอกให้เกียรติส่งลูกมาสอบโรงเรียนที่กรุงเทพฯ ถ้าสอบได้ เกียรติคงต้องยอมให้พู่แพรมาอยู่กับแม่”
ณัฐมนวางแผนการในอนาคตไว้เสร็จสรรพ จากนั้นยุติเรื่องราวของเกียรติชัยและลูกสาวไว้เท่านั้น ดวงตางามบนใบหน้าอ่อนกว่าวัยหลายปีมองของที่ลูกชายวางไว้บนโต๊ะ
“จุ้ยซื้อคุกกี้มาจากไหน น่ากินเชียว”
“ไม่ได้ซื้อครับ มีคนให้มา”
พอหลุดปากภัทรยศจึงรู้ว่าพลาดเต็มเปา เพราะแม่รีบขยับนั่งหลังตรงออกอาการตื่นเต้นขึ้นมาทีเดียว
“ใครให้ ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้ชาย น้องรหัสของจุ้ยครับ”
โกหกเนื่องจากไม่อยากให้แม่รู้เรื่องตนแสดงตัวเป็นฮีโร่ช่วยสาวมาจนสาวสวยคนนั้นมอบคุกกี้เป็นของขวัญตอบแทนน้ำใจซึ่งจะยิ่งทำให้ถูกซักไปกันใหญ่ ณัฐมนทำหน้าผิดหวังกับคำตอบแม้รู้สึกแปลกที่ผู้ชายให้คุกกี้แก่กันก็ตามที
“ลูกแม่ออกจะหล่อ ทำไมถึงไม่มีสาวคนไหนสนใจ”
ภัทรยศยิ้ม เขาไม่รู้แม่ทุกคนในโลกมักเห็นลูกตัวเองหน้าตาดีเหมือนอย่างแม่เขาหรือเปล่า
“หล่อของแม่ แต่สาวๆ คนอื่นเขาไม่เห็นว่าหล่อนี่ครับ”
“ลองตัดผมเผ้าให้เรียบร้อย รับรองสาวๆ ตามเป็นพรวน”
“ที่พูดมาทั้งหมด เพราะจะหลอกให้ลูกตัดผม?”
ณัฐมนหัวเราะเมื่อโดนรู้ทัน เธอจับเส้นผมลูก
“เชื่อแม่สิ ลองแค่จุ้ยเปลี่ยนทรงผม รับรองสาวๆ ที่ไม่เคยมองต้องมองเหลียวหลังแน่…จะว่าไป ยิ่งโตจุ้ยยิ่งเหมือนพ่อนะ โดยเฉพาะตอนทำหน้าดุเสียงดุ แม่เห็นแล้วคิดถึงตอนโดนพ่อดุสมัยยังทำงานเป็นเลขาฯ”
ณัฐมนหวนนึกถึงตอนพบสามีที่ทำงานในบริษัทเดียวกันซึ่งทรงเผ่ามีอายุมากกว่าถึงหนึ่งรอบ เธอเลยยิ่งกลัวเขาเหลือเกิน กระทั่งพบว่าที่ตนโดนดุบ่อยเป็นพิเศษเกิดจากความสนใจในตัวสาวน้อย ณัฐมนก็เกิดตกหลุมรักเจ้านายรูปหล่อจอมเฮี้ยบไปแล้วเช่นกัน
ภัทรยศปล่อยให้แม่ระลึกถึงความหลังโดยไม่ขัดอะไร แต่ณัฐมนกลับคิดว่าลูกไม่ชอบเรื่องถูกนำไปเปรียบเทียบกับพ่อซึ่งนับวันยิ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมา ขัดแย้งตั้งแต่เรื่องแต่งตัวจนถึงเรื่องเรียนที่ลูกชายขัดใจพ่อไม่ยอมเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์และยังมีเรื่องจุกจิกอื่นอีกโดยเธอต้องคอยรับหน้าที่เป็นตัวกลางประสานความสัมพันธ์ของคนที่หัวดื้อเหมือนกันไม่มีผิด
จากนั้นณัฐมนเลิกบอกว่าพ่อลูกเหมือนกันอย่างไร แล้วหยิบคุกกี้อัลมอนด์จากขวดโหลที่ลูกชายหมุนเปิดฝาให้และเพียงกัดชิมคำแรกก็ออกปากชม
“อร่อย น้องรหัสจุ้ยซื้อจากร้านไหนน่ะ” ณัฐมนหยิบโหลคุกกี้ขึ้นมาพลิกหาชื่อร้านแต่ไม่พบ ภัทรยศจำเป็นต้องโกหกอีกรอบ
“เอ่อ…เห็นว่าที่บ้านเค้าทำเองครับแม่”
“ฝีมือดี ขนาดทำเองยังอร่อยเหมือนร้านที่แม่เคยซื้อ…จริงสิ แม่ขอแบ่งคุกกี้ไปเสิร์ฟแขกได้มั้ย”
ลูกชายไม่ปฏิเสธเพราะคุกกี้มีเยอะเกินกว่าเขาคนเดียวจะกินหมด กระทั่งแม่นำคุกกี้แบ่งใส่จานนำไปให้แขก ภัทรยศจึงหยิบคุกกี้อัลมอนด์ชิ้นหนึ่งขึ้นมาพลางนึกถึงตอนยุทธนาเอะอะโวยวายด่าว่าเขางกหลังจากเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมแบ่งขนมของบงกชให้ชิม
และพอกัดกินคำแรกภัทรยศเกิดความรู้สึกชื่นชมต่อฝีมือทำขนมของบงกช ทั้งคุกกี้ และบลูเบอรี่ชีสพาย
บลูเบอรี่ชีสพาย…
จู่ๆ ภัทรยศกลับนึกถึงบลูเบอรี่ชีสพายรสชาติไม่ได้เรื่องอีกถาด และไม่ใช่แค่นึกถึง ชายหนุ่มยังรับรู้ได้ถึงรสหวานประหลาดยังปลายลิ้น เขาวางคุกกี้ลงอย่างหมดอารมณ์กินต่อทั้งยังหน้าชาขึ้นมาอีกรอบเมื่อสัมผัสได้ถึงรสชาติความอับอายหลังต้องกลายเป็นตัวตลกให้คนในคณะหัวเราะเยาะขบขันอย่างที่เขาอยากให้ดุสิตาขายหน้า
พอเขาต้องตกอยู่ในฐานะเดียวกับหญิงสาวขึ้นมาจากสนุกจึงไม่สนุกและเขายังละอาย…ละอายในฐานะที่ตนเป็นรุ่นพี่ชั้นปีสูงสุดแต่กลับรังแกรุ่นน้องปีหนึ่ง ทั้งๆ ที่ถูกที่ควรคือวางเฉยไม่ต่อปากต่อคำ ซึ่งหากเขาเลือกนิ่งเฉยเสียตั้งแต่ทีแรกคงไม่ต้องหัวเสียทีหลังกับเสียงหัวเราะ เสียงล้อของยุทธนา รวมถึงจากคนอื่นๆ
แต่เอาเถอะ ถึงพลาดหนหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องมีหนที่สอง ภัทรยศคิดอย่างนั้นพลางสัญญากับตัวเองว่านับจากนี้เป็นต้นไปแม้ดุสิตาทำอะไรขวางหูขวางตามากแค่ไหนเขาจะไม่ยุ่งและจะอยู่ให้ไกลจากรุ่นน้องผู้มีดวงตาสวยแปลกมากที่สุด