LOVE
ทดลองอ่านเรื่อง ภาพ รัก ลวง บทนำ – บทที่ 5
วันเกิดของรุทธ์ปีนี้เปลี่ยนสถานที่จัดงานจากร้านอาหารบุฟเฟ่ต์มาเป็นที่บ้าน สาเหตุมาจากรุทธ์ได้ยินเพื่อนคนหนึ่งเปรยเรื่องอยากกินอาหารซีฟู้ด เขาจึงเกิดความคิดอยากให้เพื่อนๆ ปิ้งย่างอาหารทะเลสดๆ ด้วยกัน เพื่อจะได้มีเวลาพูดคุยหยอกล้ออย่างเต็มที่เนื่องจากอีกไม่กี่เดือนทุกคนจะเรียนจบแล้ว
ภัทรยศมาถึงหน้าคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ในตอนสี่โมงเย็น เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตแขนยาวสีเขียวเข้มตัดสลับด้วยสีดำกับกางเกงยีนตัวใหม่ ส่วนในมือไม่ได้ถือของขวัญมาด้วยเพราะชโลธรอาสาเป็นคนจัดการเรื่องของขวัญโดยรวบรวมเงินจากคนมาร่วมงานวันเกิด
แหงนมองประตูอัลลอยสูงตระหง่าน ภัทรยศกดกริ่งที่อยู่ใกล้กับประตูเล็กแล้วรอแม่บ้านเปิดให้ แต่แม่บ้านไม่ทันปรากฏตัวเขาก็ได้ยินเสียงรถจอดจากด้านหลัง
เป็นรถยนต์หรูสีดำที่ภัทรยศรู้ว่าใครนั่งอยู่ด้านหลังคนขับ เขาพยักหน้ารับไหว้รุ่นน้องที่เพิ่งลงจากรถและสั่งคนขับว่ากลับเมื่อไรจะโทรเรียก
“สวัสดีค่ะพี่จุ้ย”
หญิงสาวในชุดเดรสสั้นสีชมพูขับผิวขาวผ่องทักทายคนตัวโตหน้าดุในจังหวะที่หัวหน้าแม่บ้านรูปร่างท้วมเปิดประตูให้พอดี ทั้งคู่ก้าวสู่พื้นที่ร่มรื่นกว้างกว่าสองไร่ ทางด้านซ้ายก่อนถึงคฤหาสน์ภัทรยศเห็นแม่บ้านอีกสองคนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมเตาปิ้งย่างอยู่ข้างสระว่ายน้ำ
“ยังไม่มีใครมาเหรอครับ”
“ยังไม่มีสักคนเลยค่ะ มีแค่คุณจุ้ยกับคุณ” หัวหน้าแม่บ้านหมายถึงบงกช “เด็กๆ ยังเตรียมของไม่เสร็จเลยค่ะ ยังไงเชิญรอด้านในห้องรับแขกก่อนนะคะ”
ภัทรยศตอบรับและกำลังจะถามถึงคนในครอบครัวเพื่อน แต่บงกชถามอย่างมีมารยาทแทนเขาเสียก่อน
“คุณพ่อคุณแม่พี่รุทธ์อยู่บ้านหรือเปล่าคะ พี่จุ้ยกับบัวจะได้ไปสวัสดี”
“คุณผู้ชายไม่อยู่ค่ะ ออกไปข้างนอกกับคุณรัตน์ คุณริน” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยถึงพี่สาวคนโตและพี่สาวคนรองของรุทธ์ “ส่วนคุณผู้หญิงอยู่ค่ะ เดี๋ยวป้าเรียนท่านให้นะคะ”
บอกพลางส่งยิ้มให้เพื่อนของลูกชายคนเล็กของเจ้าสัว จากนั้นแม่บ้านเดินนำสู่คฤหาสน์ที่ไม่ได้หรูหราเพียงภายนอก การตกแต่งภายในก็หรูหราในสไตล์ยุโรป กระทั่งถึงห้องรับแขกแม่บ้านได้เชื้อเชิญภัทรยศกับบงกชนั่งคอยตรงโซฟาแล้วขอตัวออกไป
ไม่นานสตรีวัยกลางห้าสิบที่ยังคงงามสง่าทั้งรูปร่างหน้าตาได้เดินเข้ามาภายในห้องรับแขก แขกผู้มาเยือนลุกพร้อมกันแล้วสวัสดีแม่ของรุทธ์
“ทำท่าเป็นงานเป็นการเชียวจุ้ย คนกันเองทั้งนั้น นั่งลงเถอะ” รัชนีกรซึ่งอยู่ในชุดกรุยกรายลายดอกไม้สดใสบอกพลางมองหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผิวพรรณเนียนผ่องที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน “มีแฟนกับเค้าเสียทีนะเรา แม่นึกว่าจุ้ยจะเป็นพวกหวงความโสดแบบยายรัตน์เสียแล้ว”
รัชนีกรเอ่ยยิ้มๆ นึกเอ็นดูที่เห็นแก้มใสแดงเรื่อขึ้นมา ภัทรยศรีบแก้ไขความเข้าใจผิด
“ไม่ใช่ครับแม่ บงกช บัวเป็นรุ่นน้องผมกับรุทธ์ครับ เรียนอยู่ปีหนึ่ง เอกเดียวกัน”
“ตายละ งั้นแม่หน้าแตกงั้นสิ ขอโทษนะจ๊ะ” เจ้าของบ้านบอกผู้นั่งโซฟาตัวติดกัน บงกชทัดปอยผมยาวที่หลุดจากการรวบเข้ากับใบหู เธอพูด
“อย่าขอโทษเลยค่ะคุณแม่ คุณแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่เข้าใจผิดเล็กน้อยเองค่ะ อ้อ จริงสิคะ หนูทำขนมมาฝากด้วย”
เมื่ออีกฝ่ายแทนตัวเองว่าแม่บงกชจึงเรียกตาม เธอขยับตัวไปหยิบกล่องกระดาษใบใหญ่บนโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าภัทรยศ พอรัชนีกรเปิดกล่องออกเห็นคัพเค้กที่มีดอกไม้สีหวานดอกโตประดับอยู่ด้านบนก็เอ่ยปากชม
“น่ากิน ดีนะที่หนูบัวบอกก่อนว่าทำเอง ไม่งั้นแม่คงนึกว่าซื้อมา”
“หนูลองทำตามสูตรในเว็บไซต์สอนทำขนมน่ะค่ะ ส่วนลายดอกไม้หนูทำเลียนแบบร้าน…” บงกชเอ่ยชื่อร้านขนมเจ้าดัง
“มิน่า ถึงว่าทำไมขนมถึงดูคุ้นๆ” ผู้พูดหยิบคัพเค้กอันหนึ่งมาดูใกล้ๆ “เก่งจัง ทั้งสวย ทั้งทำขนมเก่ง พ่อแม่ปลื้มใจแย่…ว่าแต่พ่อแม่หนูบัวทำงานอะไร เปิดร้านอาหารหรือเปล่าถึงได้มีฝีมือทางนี้”
เหมือนถามไปอย่างนั้น แต่ความจริงรัชนีกรเริ่มให้ความสนใจตั้งแต่รู้ว่าเด็กสาวสวยตรงหน้าไม่ใช่แฟนภัทรยศ
“เปล่าหรอกค่ะ พ่อบัวรับราชการ ส่วนแม่ทำงานมูลนิธิค่ะ”
พร้อมกับวางขนมลงบนโต๊ะ รัชนีกรมองเพื่อนรุ่นน้องของลูกชายอย่างมีคำถาม แต่เพราะไม่อยากถามซอกแซกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าตนกำลังให้ความสนใจเลยทำแค่พยักหน้ารับรู้ ขณะภัทรยศมองออกว่าแม่ของรุทธ์คิดอะไร เพราะเพื่อนแต่ละคนที่เคยมาคฤหาสน์หลังนี้ล้วนผ่านการถูกสอบประวัติมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งบางครั้งรัชนีกรเอ่ยถามตรงๆ และบางครั้งใช้วิธีมาเลียบเคียงถามกับเขาภายหลัง โดยเฉพาะพวกเพื่อนผู้หญิง รัชนีกรมักให้ความสนใจเป็นพิเศษ
“แม่บัวเป็นโฆษกมูลนิธิ…ครับ ออกทีวีบ่อยๆ แม่คงเคยเห็น”
เมื่อรู้อย่างไรคงถูกถามทีหลังภัทรยศจึงเฉลยเสียเลย ส่วนพ่อของบงกชนั้นชายหนุ่มไม่ได้กล่าวถึงเพราะไม่เคยรู้รายละเอียด รัชนีกรคิดตามนิดหนึ่งก่อนร้องอ๋อ
“คนนั้นน่ะเองที่ชื่อกฤษณา แม่เคยเจอในงานการกุศลสองสามครั้ง แต่ไม่เคยคุยกันหรอก” พอรู้บงกชเป็นลูกเต้าเหล่าใครรัชนีกรยิ่งสนใจ เธอพินิจดวงหน้าสวยหวานพลางแสดงความชื่นชม “กฤษณาเป็นคนเก่ง เท่อีกต่างหาก หนูบัวเก่งและสวยเหมือนแม่นี่เอง”
เป็นอีกครั้งที่บงกชหน้าแดง เธอก้มหน้าเอ่ยเบาอย่างถ่อมตัว
“บัวไม่เก่งหรอกค่ะ สู้แม่ไม่ได้ อ้อ สู้พ่อไม่ได้ด้วยค่ะ”
ครั้นได้จังหวะ รัชนีกรจึงถามถึงพ่อของบงกช ภัทรยศเลยได้รู้ว่าพ่อของหญิงสาวชื่อพศิน เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงหนึ่งซึ่งเขาจำได้ว่าเคยมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งกับกลุ่มนายทุนผู้มีอิทธิพลเพราะไม่ยอมรับสินบน
ยิ่งรู้ว่าพ่อของบงกชคือข้าราชการมือสะอาดรัชนีกรยิ่งรู้สึกถูกชะตา เธอพูดคุยกับบงกชอย่างถูกคอ ชมเปาะถึงพศินและกฤษณา โดยมีภัทรยศนั่งฟังเงียบๆ กระทั่งหญิงสาวเล่าถึงเหตุการณ์ล่าสุดซึ่งเห็นเองกับตาตอนแม่ลงจากรถไปกระชากคอผู้ชายที่กำลังทำร้ายผู้หญิง รัชนีกรก็ตื่นเต้นราวตัวเองเป็นไทยมุงอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย
“แม่หนูบัวเป็นคนดี เป็นคนเก่ง และยังกล้ามาก”
บงกชยังเอ่ยอย่างนอบน้อมและถ่อมตัว
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ…จริงสิ บัวเคยอ่านเรื่องที่คุณแม่เป็นต้นคิดให้ชาวบ้านเอาผักผลไม้ออร์แกนิกมาขายในรีสอร์ตที่เขาใหญ่ฟรีๆ จนช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน คุณแม่ไอเดียดี ใจดี และยังเก่งจังเลยค่ะ”
รัชนีกรยิ้มกว้าง ถูกอกถูกใจหญิงสาวที่ทั้งสวยสะอาด ฉลาด และยังมาจากครอบครัวที่ดี
ดีกว่า…