“เราไม่รู้ข้อเท็จจริงนะ แค่ฟังเค้าเล่ามาอีกที พวกเธอฟังหูไว้หูแล้วกัน”
แม้บอกให้ฟังหูไว้หู แต่ดูเหมือนคนฟังต่างฟันธงในใจแล้วว่าเป็นเรื่องจริงเพราะก่อนหน้าดุสิตาเพิ่งมีคดีขโมยลิปสติกของบงกช ซึ่งถึงจับไม่ได้คาหนังคาเขา หากข้อหาเดียวกับในอดีตช่วยยืนยันแล้วว่าทุกสิ่งล้วนมีมูลความจริง และไม่ทันอรอุมาจะต่อว่าถึงพฤติกรรมเหลวแหลกของดุสิตาซึ่งเป็นเหตุให้เจ้าตัวอาฆาตบงกช ภัทรยศก็โน้มใบหน้าลงมาในกลุ่มสาวๆ
“นินทาใครกันอยู่”
“ไม่มีย่ะ” อรอุมาร้อนตัว
“แน่ใจ? ตะกี้เพิ่งได้ยินเธอพูดชื่อเราอยู่แหม็บๆ” ภัทรยศพูด
“ทีเรื่องยังงี้ล่ะหูดี เราไม่ได้พูดถึงจุ้ยสักหน่อย เพราะเราไม่ใช่คนขี้นินทา” คนขี้นินทาออกตัว ภัทรยศเบ้ปาก
“ถ้าเอ้ไม่ใช่คนขี้นินทา งั้นโลกนี้ก็ไม่มีใครขี้เหม็นแล้วล่ะ” ภัทรยศพูดหน้าตาเฉย ครั้นอรอุมาขยับปากจะด่า เขาก็ทำตาดุจนอีกฝ่ายหงอ
“มีอะไรเหรอจุ้ย ทำไมถึงเดินมาหาพวกเรา” ชโลธรเปลี่ยนเรื่อง ตอนแรกเธอเห็นภัทรยศยังรวมกลุ่มคุยหัวเราะกับคนอื่นๆ
“เราจะกลับแล้ว เลยจะถามว่าไอ้เต้ยอยากกลับพร้อมกันมั้ย แต่ไม่รู้มันหายหัวไปไหน โทรไปก็ไม่รับ พวกเธอเห็นเต้ยหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถึงเพื่อนที่มีบ้านอยู่ทางเดียวกัน อรอุมาหัวเราะแปร่ง
“มันคงกลับบ้านไปตั้งแต่ตอนเห็นน้องบัวถือเค้กมาให้รุทธ์แล้วล่ะ พูดไปยิ่งน่าสงสาร อุตส่าห์เป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาตั้งนาน กลับมาแห้วคาบ้านคู่แข่งเสียอย่างนั้น แต่ไอ้เต้ยมันไม่เจียมตัวด้วยแหละ” คนขี้นินทาทำท่าจะนินทายุทธนาอีกยืดยาวถ้าภัทรยศไม่แทรกขึ้นมาก่อน
“แล้วรุทธ์ไปไหน”
“เห็นแม่เรียกรุทธ์กับบัวขึ้นไปชั้นบนน่ะ ได้ยินว่าอยากให้รุทธ์กับบัวช่วยค้นรูปรีสอร์ตมาให้พวกเราดู”
ปัทมาบอก ภัทรยศขมวดคิ้วเพราะรูปพวกนั้นหาดูในเว็บไซต์ได้ แต่ที่รัชนีกรต้องการให้ดูรูปตอนนี้คงมาจากสาเหตุอื่นมากกว่า เหมือนอย่างตอนให้บงกชเป็นคนถือขนมเค้กแทนที่จะเป็นดุสิตาซึ่งพอเขาเห็นสายตาของคนรักเพื่อนก็รู้ว่าเธอเจ็บแค้นแค่ไหนเลยต้องแสร้งกระแอมเตือนด้วยความเห็นใจ
ภัทรยศมองนาฬิกาข้อมือ ครั้นเห็นเป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าเขาจึงฝากบอกรุทธ์ผ่านกลุ่มเพื่อนผู้หญิงว่าตนขอกลับบ้านก่อน
ชายหนุ่มไม่ได้กลับบ้านทันทีเพราะแวะเข้าห้องน้ำก่อน เขาออกจากตัวคฤหาสน์หลังเสร็จธุระ เดินผ่านแม่บ้านที่กำลังเก็บกวาดข้าวของตรงสระว่ายน้ำ ภัทรยศเอ่ยขอบคุณหัวหน้าแม่บ้านที่หิ้วถุงขยะผ่านมาทางตนพอดี อีกฝ่ายพูดคุยกับเขาถึงเรื่องอาหารก่อนหันไปทางสระว่ายน้ำที่ค่อนข้างมืด
“คุณจุ้ยเห็นคุณรุทธ์มั้ยคะ”
“ได้ยินว่าอยู่ข้างบนกับแม่นะครับ”
“…ยังไม่ลงกันมาอีกเหรอ” แม่บ้านสูงวัยพึมพำ ครั้นภัทรยศทำหน้าสงสัยจึงพูดต่อ “คุณนิ้ง แฟนคุณรุทธ์น่ะค่ะ เธอถามหาคุณรุทธ์หลายรอบแล้ว”
ภัทรยศมองตามสายตาแม่บ้านที่มองไปตรงสระว่ายน้ำอีกครั้ง คราวนี้เขาถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าดุสิตานั่งแกว่งเท้าในสระอยู่ตามลำพัง ความมืดและแผ่นหลังบางลู่ค้อมทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าตัวดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า หมดสภาพเย่อหยิ่งจองหองจนเขาเองเกิดความเห็นใจ ทั้งที่ว่ากันตามตรงเขาควรสะใจมากกว่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวในวันนี้…แต่เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกันที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอย่างนั้น
“อุ๊ย คุณรุทธ์ลงมาพอดีเลย”
เหลียวไปด้านหลังตามเสียงแม่บ้าน ภัทรยศเห็นเพื่อนเดินลงบันไดคฤหาสน์ก้าวมาทางตน แล้วพอแม่บ้านห่างออกไป รุทธ์จึงถาม
“เห็นนิ้งมั้ยจุ้ย”
“นั่นไง นั่งเป็นผีเฝ้าสระอยู่”
รุทธ์หรี่ตามองตาม นอกจากไม่ถือสาปากเพื่อน เขายังหัวเราะ
“ถ้าเจอผีสวยขนาดนี้ ก็ยอมให้หลอกว่ะ”
ภัทรยศกลอกตา เลี่ยนกับคำพูดหวานหูชวนอาเจียนที่ได้ยินมาตั้งแต่เย็นถึงค่ำ
“เออ ขอให้ถูกหลอกจริงๆ เข้าสักวัน”
เจ้าของวันเกิดที่กำลังจะเดินไปหาคนรักชะงักเท้า บอกอย่างไม่พอใจนัก
“อย่าพูดถึงนิ้งแบบนี้ นิ้งไม่ใช่คนแบบนั้น เธอไม่หลอกใคร มีอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ”
คำพูดจากคนที่นานทีปีหนจะออกอาการโกรธทำภัทรยศอึ้ง เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อย
“ขอโทษว่ะ ไม่ได้ตั้งใจว่าแฟนนาย…แต่ถามจริงเถอะ ชอบผู้หญิงตรงๆ แบบนิ้งเหรอ คือไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่นี่มันตรงเกินไปมั้ยวะ”
ภัทรยศไม่อยากพูดว่าบางครั้งความตรงของดุสิตาช่างเฉียดใกล้กับความไม่มีมารยาท ขณะรุทธ์แม้แปลกใจที่โดนถามเรื่องส่วนตัว แต่ก็ยอมตอบ