ภาพหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวกับคฤหาสน์หลังโตปรากฏแจ่มชัดในหัว ภัทรยศคล้ายได้ยินเสียงหัวเราะแจ่มใสของเธอด้วย กระทั่งมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเร่งเครื่องแรงจนเกิดเสียงดังลั่นถนน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงป้ายรถเมล์จึงสะดุ้งค่อยรู้สึกตัวว่าชักให้ความสนใจต่อรุ่นน้องที่เคยเหม็นหน้ามากเกินไปแล้ว
รถเมล์สีครีมแดงสายที่รอมากว่าสิบห้านาทีจอดเทียบยังป้าย ชายหนุ่มขึ้นแล้วเลือกนั่งเบาะที่นั่งเดี่ยวเยื้องกับประตูรถ เขามองออกนอกหน้าต่างในจังหวะที่รถเมล์กำลังเคลื่อนตัวออกช้าๆ แต่พอคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน เขาจึงหันไปทางประตู
นัยน์ตาสีเข้มแสดงความประหลาดใจหลังพบว่าใครคือคนที่วิ่งหอบขึ้นมา กระทั่งเจ้าตัวเงยหน้าสบตากับภัทรยศ ดวงตาคมสวยแปลกตาก็มีทั้งแววประหลาดใจและตกใจ แต่เพียงครู่เดียวดุสิตาได้เมินหน้าไปทางอื่น เธอเดินไปนั่งตรงเบาะคู่ติดริมหน้าต่าง
ภัทรยศฉุนกึกเมื่อดุสิตาทำราวไม่รู้จักเขาผิดจากตอนอยู่ในงานวันเกิด ทั้งรู้คำตอบแน่ชัดแล้วว่าหญิงสาวสร้างภาพเก่งอย่างเพื่อนบอกจริงๆ ทว่าเพียงครู่เดียวภัทรยศได้ปล่อยความรู้สึกดังกล่าวผ่านไป เขามองแสงไฟดวงเล็กดวงน้อยยามค่ำคืน สัมผัสถึงสายลมเย็นที่กระทบหน้าหลังรถประจำทางแล่นเร็วขึ้นในช่วงที่ผ่านห้างสรรพสินค้าได้สักพัก
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
เสียงดังทำทุกคนเหลียวไปทางด้านหลังรถเมล์ รวมถึงภัทรยศด้วย เขาเห็นชายใบหน้าแดงก่ำแต่งตัวสกปรกซึ่งไม่รู้ว่าขึ้นรถมาตั้งแต่เมื่อไรกำลังตอแยดุสิตา
กระเป๋ารถเมล์ที่เป็นหญิงรูปร่างเล็กเดินไปหาคนขับรถเพื่อให้ช่วยจัดการคนเมา ขณะดุสิตายืนขึ้น ตะคอกบอกให้ชายที่ตั้งใจนั่งข้างตนหลีกทางไป แต่เมื่อเจ้าตัวทำหน้าทะเล้น ยิ้มกริ่มอย่างน่ารังเกียจ ทั้งยังคว้าหมับยังข้อมือบาง หญิงสาวก็ร้องกรี๊ดพร้อมร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่ตัวเองเพิ่งเมินใส่หยกๆ
“พี่จุ้ย! ช่วยนิ้งด้วย”
ความจริงภัทรยศอยากแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก่อนแล้วค่อยช่วยเหลือทีหลัง ทว่าพอหญิงสาวเบะปาก ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แถมยังเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่นอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงก้าวจากที่นั่งมาหยุดข้างชายขี้เมาใช้ร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ข่มจนร่างผอมเกร็งดูเล็กกระจ้อยร่อย จากนั้นใช้สายตาและเสียงดุดันเหี้ยมเกรียมข่มขู่
“ลุกไป”
ฝ่ายที่ยอมปล่อยมือดุสิตาตั้งแต่ภัทรยศย่างสามขุมมาหาส่งเสียงอ้อแอ้ฟังไม่ได้ศัพท์ ตอนแรกชายคนนั้นไม่ยอมลุกง่ายๆ แต่พอมีผู้ชายวัยฉกรรจ์ทำท่าจะเดินมาอีกคนจึงต้องยอม
“ลงไป”
ภัทรยศสั่งเสียงเฉียบอีกทั้งชี้นิ้วไปทางประตู ชายขี้เมาฮึดฮัด กระทั่งผู้ที่กำลังไล่ตนกำหมัดและกระเป๋ารถเมล์ยังช่วยตะโกนไล่ ลงท้ายชายคนนั้นจึงเดินโงนเงนยอมลงจากรถประจำทางและตะโกนด่าภัทรยศด้วยคำหยาบลั่นถนน
พ้นจากป้ายรถเมล์ที่คนเมาลงไปภัทรยศค่อยนั่งลงข้างรุ่นน้อง เขานึกหมั่นไส้คนอวดดีจองหองที่ไม่ยอมเอ่ยขอบคุณสักคำ ทว่าพอเห็นใบหน้าซีด มือไม้เล็กบอบบางบนตักสั่นด้วยความกลัว จากหมั่นไส้เลยกลายเป็นสงสาร ชายหนุ่มคิดหาวิธีทำให้คนตัวสั่นเป็นลูกนกหายตกใจกลัวครู่หนึ่ง
“ยังไม่เที่ยงคืนเสียหน่อย แต่ทำไมรถฟักทองไม่มีแล้ว หรือรถฟักทองเสีย ซินเดอเรลล่าเลยต้องนั่งรถเมล์กลับบ้านเอง”
ดุสิตาหันขวับ นัยน์ตาคมขุ่นมัว ผิดกับแววตาภัทรยศที่เต้นริกๆ ชอบใจกับแผนการยั่วโมโหที่สำเร็จด้วยดี
“พี่จุ้ยอย่ามายุ่ง”
“เอ๊า เดี๋ยวไม่ให้ยุ่ง เดี๋ยวให้ยุ่ง ตกลงเอาไง” ภัทรยศแกล้งทำเป็นหัวเสียบ้าง “ถ้าไม่อยากให้ยุ่งจะได้ไปนั่งตรงอื่น แต่บอกไว้ก่อนถ้าเกิดเจอคนลวนลามอีกอย่ามาขอความช่วยเหลือแล้วกัน”
ภัทรยศตั้งท่าลุก ดุสิตาเม้มริมฝีปากแน่น เธอออกคำสั่ง
“พี่จุ้ยห้ามลุก ห้ามไปไหน ห้ามทิ้งนิ้งด้วย”
ฝ่ายคนตัวโตทำตามคำสั่งโดยดีพลางถามคนเอาแต่ใจ
“นั่งรถเมล์เป็นด้วยเหรอเรา นึกว่านั่งได้แต่รถแพงๆ เสียอีก” ถามเพื่อชวนคุยให้หายกลัวมากกว่าต้องการคำตอบแท้จริง ดุสิตาค้อนภัทรยศ
“เป็นอยู่แล้วค่ะ…ว่าแต่พี่จุ้ยนั่นแหละ นั่งรถเมล์เป็นด้วยเหรอ”
ภัทรยศนิ่ง สบดวงตาคมที่หรี่มองมาอย่างจับผิดแล้วยักไหล่
“นั่งประจำ” ชายหนุ่มมองคนที่ทำหน้าทำตาเหมือนไม่เชื่อคำพูดตนแม้แต่น้อยแล้วตั้งคำถามที่ต้องการคำตอบบ้าง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงมานั่งรถเมล์”
ดุสิตาไม่ยอมตอบ เธอหันหน้าออกนอกหน้าต่าง โดยไม่รู้ตัวว่าสีหน้าบูดบึ้งเผยทุกอย่างออกมาเกือบหมด
“ทะเลาะกับรุทธ์งั้นสิ ทะเลาะเรื่องอะไร”
ใบหน้าบึ้งตึงหันกลับมาทางเดิม เธออยากบอกว่าอย่ามายุ่งเรื่องของตนก็ไม่กล้าด้วยกลัวว่าหากพูดไป หนนี้คงโดนภัทรยศทิ้งเข้าจริงๆ หญิงสาวมองหน้ารุ่นพี่ที่ไม่เคยชอบหน้า ทว่านัยน์ตาเขากลับมีบางอย่างที่ทำให้ตัดสินใจบอกเล่าตามตรง
“ใช่ค่ะ นิ้งทะเลาะกับพี่รุทธ์” เริ่มได้นิดเดียว ความอัดอั้นตันใจตลอดหลายชั่วโมงจึงพรั่งพรูออกมา “ความจริงยังไม่ทันทะเลาะหรอกค่ะ เราคุยกันอยู่ดีๆ ตรงสระว่ายน้ำ แต่พอแม่เรียกพี่รุทธ์ไปดูรูปรีสอร์ตกับเพื่อนๆ และยายบัวข้างในบ้าน นิ้งขี้เกียจดูด้วยเลยกลับบ้าน”
ปากบอกขี้เกียจ แต่ความจริงดุสิตารู้ว่าหากต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รัชนีกรคอยเอาใจบงกชโดยบงกชเองยังทำตัวไร้เดียงสาออเซาะฉอเลาะ เธอคงหมดความอดทนกลายร่างเป็นอย่างแม่ของตัวเองและลุกขึ้นมาด่ากราดจนแม้แต่รุทธ์คงขวัญหนีดีฝ่อบอกเลิกเธอทันที