“น่าสนใจแฮะ” ชโลธรบอก รุทธ์ชวน
“ไปด้วยกันมั้ยล่ะ เรานัดกับนิ้งว่าจะไปวันรัฐธรรมนูญ”
คนชวนหมายถึงอีกสองวันข้างหน้า ทุกคนตอบตกลงพลางบอกว่าอยากชวนคนอื่นอีก รุทธ์ไม่ขัดข้องเพราะดุสิตาชวนเพื่อนต่างคณะคนหนึ่งไปด้วยเหมือนกัน จากนั้นรุทธ์นัดหมายเวลาและสถานที่นัดพบตรงร้านเบเกอรี่หน้ามหาวิทยาลัย
“เรื่องเงินใครอยากช่วยเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องไปซื้อของบริจาคเดี๋ยวเราจัดการเอง” รุทธ์เสนอตัวเพราะเป็นคนเดียวที่มีรถยนต์ส่วนตัวและขณะรวบรวมเงินพร้อมพูดคุยกับเพื่อนว่าจะซื้ออะไรเพิ่ม ก็มีเสียงใสๆ ทักทายขึ้นมา
“สวัสดีค่ะพี่ๆ เอ๋? กำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”
บงกชซึ่งเดินมาจากโต๊ะของพี่รหัสก้าวมาหยุดยืนตรงหัวโต๊ะฝั่งอรอุมากับยุทธนา เธอมองธนบัตรในมือรุทธ์อย่างสงสัยทว่าไม่มีใครกล้าให้คำตอบ ยกเว้นยุทธนาที่รีบบอกเสียงดัง
“พวกพี่กำลังรวบรวมเงินบริจาคซื้อของให้เด็กครับน้องบัว”
“เหรอคะ” บงกชแสดงความสนใจ “บริจาคที่ไหนคะ ถ้ายังไม่มีที่บริจาค บัวถามจากแม่ให้ได้นะคะ”
“มีแล้วครับ พวกพี่บริจาคกับคนรู้จักน่ะ จริงสิ น้องบัวไปด้วยกันมั้ย ทำบุญด้วยกันชาตินี้ ชาติหน้าจะได้เจอกันอีกไง”
สิ้นเสียงยุทธนาดุสิตาก็ลุกพรวดจนทุกคนตกใจ หญิงสาวมองรุ่นพี่ขี้หลีจอมสาระแนด้วยความโกรธโมโห ทั้งกำลังจะอ้าปากตวาดว่าไม่ต้องการทำบุญร่วมชาติกับบงกช แต่ไม่ทันมีเสียงตนลอดออกมา ฉับพลันกลับมีเสียงกระแอมแทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นเสียงกระแอมของภัทรยศ ดุสิตาจ้องคนตัวโตตาขุ่นด้วยคิดว่าเขากำลังปรามเธอเพื่อช่วยรุ่นน้องคนโปรด แต่เมื่อนัยน์ตาเรียวสีเข้มจ้องตอบกลับมาเธอกลับผิดคาดเนื่องจากแววตาคู่นั้นไม่ดุดันอย่างทุกที ทั้งในแววตายังมีบางอย่าง…บางอย่างที่ทำให้เธอฉุกคิดถึงเรื่องที่เขาเคยเอ่ยบนรถประจำทาง
แล้วจู่ๆ ดุสิตาก็นั่งลง จากนั้นเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากทีเดียวกว่าจะเอ่ยคำแรกออกมาได้
“สนใจไปด้วยกันมั้ยบัว”
คำพูดของดุสิตาทำเอาชโลธรกับอรอุมาอ้าปากค้าง รุทธ์กับยุทธนาทำราวเห็นโลกหมุนกลับหัว ผิดกับภัทรยศที่กำลังทึ่ง ส่วนบงกชนั้นเลิกคิ้ว ในดวงตากลมโตแสดงความตกใจมากกว่าประหลาดใจ เธอพยักหน้า
“สนใจจ้ะนิ้ง แล้วจะไปทำบุญที่ไหนเหรอ”
“แถวบ้านเรา” ความกระด้างในน้ำเสียงลดลง ดุสิตาจ้องลึกเพื้อค้นหาความรู้สึกบนดวงหน้าใสสะอาด “…บ้านป้าภา ว่าไง ยังสนใจอยากไปอยู่มั้ย”
บงกชยิ้มในหน้าทั้งที่หวั่นใจ เธอบอกหลังตัดสินใจได้ว่าไม่ควรวางใจคนที่เกลียดตนเข้าไส้ง่ายๆ
“ไว้โอกาสหน้าแล้วกันจ้ะนิ้ง ครั้งนี้เดี๋ยวเราช่วยทำบุญ” บงกชหยิบกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นธนบัตรหนึ่งพันบาทให้รุทธ์
“ใจบุญจังน้องบัว ให้ตั้งพัน” ยุทธนาชื่นชมแม้เสียดายว่าบงกชไม่ได้ไปด้วย ทว่ารุทธ์กลับบอกอีกอย่าง
“ไม่ต้องให้มากขนาดนี้ก็ได้ครับ”
“ไม่มากหรอกค่ะพี่รุทธ์ เดี๋ยวนี้ของแพงจะตาย อีกอย่างถือว่าช่วยเป็นค่าน้ำมันรถก็ได้ค่ะ รับไว้เถอะนะคะ พี่รุทธ์อย่าปฏิเสธเหมือนคราวก่อนเลยบัวเกรงใจ”
คำว่า ‘คราวก่อน’ สะดุดหูก็จริง แต่อาการตกใจเหมือนคนเผลอหลุดปากทำทุกคนสะดุดใจยิ่งกว่า บงกชที่ยกมือปิดปากหน้าเสีย
“อุ๊ย บัวขอตัวก่อนนะคะ”
บงกชสบตารุทธ์แทนคำขอโทษแล้วรีบหันหลังเดิน ขณะดุสิตาหันขวับหาคนรัก
“คราวก่อนอะไรพี่รุทธ์”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า” รุทธ์อึกอัก ไม่กล้าบอกความจริงเรื่องเคยไปส่งบงกชถึงบ้านตอนวันเกิดตามคำสั่งของแม่ หลังจากคนขับรถของรุ่นน้องบอกว่ารถเสียและวันนั้นบงกชแสดงน้ำใจมอบค่าน้ำมันให้ซึ่งเขาไม่รับ แต่ขอค่าตอบแทนเป็นอย่าให้ดุสิตารู้เรื่องดังกล่าวแทน บงกชได้รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะเพราะไม่อยากให้เขามีเรื่องผิดใจกับดุสิตาโดยมีเธอเป็นต้นเหตุ ทว่าเจ้าตัวกลับหลุดปากออกมาจนได้
“พี่รุทธ์”
เมื่อรุทธ์ไม่พูด ดุสิตาจึงยิ่งคาดคั้นด้วยเสียงและสายตาต่อหน้ารุ่นพี่ที่ต่างเลิ่กลั่ก จนแน่ใจว่าคนรักไม่ยอมพูดหญิงสาวก็ยืนขึ้นและเอ่ยด้วยความโมโห
“ถ้าพี่ไม่ยอมพูด นิ้งก็จะไปถามมันแทน!”
ดุสิตาหมดความอดทน เลิกใจเย็นเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล เธอพรวดพราดจากโต๊ะก้าวเร็วดั่งพายุไปยังคนที่กำลังจะพ้นจากด้านหลังตึกคณะ ขณะภัทรยศกระชากแขนรุทธ์ที่ทำอะไรไม่ถูกให้ลุกพร้อมตน
“ยังนั่งบื้อทำไมรุทธ์! รีบห้ามนิ้งสิ เดี๋ยวได้เกิดเรื่องอีกหรอก”
(ติดตามต่อได้ในเล่ม)