ฮวาหยางได้รับบาดเจ็บที่หลัง เดิมทีคิดว่าการพาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดกลับจวนสกุลกู้นั้นอันตรายเกินไป จึงคิดจะไปซ่อนตัวในที่พักของฮวาเทียนก่อน แต่สายตาที่กู้ซิ่งจือมองนางเมื่อครู่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่มีเหตุผล
คนที่ละเอียดลออเช่นเขา ถ้าสงสัยฐานะของเหยาเหย่าจริงๆ คิดว่าคืนนี้ก็สามารถรู้ความจริงได้ หากเวลานั้นนางไม่อยู่ เกรงว่าคงไม่สามารถกลับเข้าไปในจวนสกุลกู้ได้อีก
ถ้าเป็นเช่นนั้นงานของนางก็จะล้มเหลว ดังนั้นฮวาหยางจึงกัดฟัน ตัดสินใจที่จะกลับไป
ตลอดทางเพราะกลัวว่าจะมีคนสะกดรอยตาม นางจึงเดินอ้อมไปหลายที่
ในที่สุดก็ได้มาเปิดประตูห้องของตนเอง ภายในห้องมืดมิด ไม่ได้จุดโคมไฟ
นางรู้สึกปวดหลังอย่างรุนแรงเหมือนมีไฟลุกลามอยู่บนผิวหนังและกล้ามเนื้อ ลามไปที่หู หัวใจก็เต้นแรง
นางหยิบตะเกียงน้ำมันจากบนโต๊ะมาอย่างระมัดระวังแล้วจุดไฟ วางไว้หน้าคันฉ่องสำริด จากนั้นก็ถอดเสื้อตัวนอกที่ชุ่มไปด้วยเลือดสดๆ
แม้ว่าไฟในห้องอาบน้ำจะสลัวราง แต่บาดแผลในคันฉ่องก็ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ
ไม่เหนือความคาดหมายของนาง แม้ว่าบาดแผลจะไม่ลึก แต่ลูกธนูนั้นก็พุ่งผ่านไปอย่างแรง ทิ้งรอยแผลเป็นทางยาวไว้
ฮวาหยางกัดฟันแล้วยกแขนขึ้น พบว่าโชคดีที่มันยังอยู่ขอบเขตที่ตนเองสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสได้
ไม่มีปัญหาในการทายา แต่กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลไปทั่วห้องนี้…
เมื่อนึกถึงตรงนี้ฮวาหยางก็ขมวดคิ้วแล้วหยิบขวดสุราออกมาจากใต้เตียง
นี่เป็นสุราที่หลายวันก่อนนางหยิบมาจากห้องครัว เตรียมใช้สำหรับแกล้งเมาเพื่อยั่วยวนกู้ซิ่งจือ แต่ตอนนี้สามารถนำมาใช้แก้สถานการณ์ฉุกเฉินได้…
นางกัดขี้ผึ้งที่ปิดปากขวดออกแล้วหยิบผ้าไหมหลายผืนออกมาจากตู้ จากนั้นก็ม้วนเป็นก้อนกลมแล้วยัดเข้าไปในปาก
“อื้อ!”
ความรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสประดังเข้ามา ราวกับมีคนใช้มีดเล่มเล็กลอกผิวหนังที่หลังของนางออก ฮวาหยางผู้รู้วิธีที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เพราะผ้าในปากผืนนี้ นางจะต้องร้องเสียงดังออกมาอย่างแน่นอน
ผ้าไหมที่นางกัดไว้ในปากแน่นคลายตัว นางหลับตาแล้วเทสุราลงบนหลังอีกครั้ง
เกิดเสียงน้ำไหลริน สุราไหลลงไปตามแผ่นหลังที่เปลือยเปล่า ทำให้กางเกงด้านล่างส่วนที่ยังไม่ทันถอดออกเปียกโชก
เลือดผสมกับสุราไหลนองเต็มพื้น ฮวาหยางหยิบถังน้ำมาล้างคราบเลือดบนพื้นก่อน
ทว่าในเวลานี้เองก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ ที่นอกประตู
มีคนเหยียบแสงเทียนที่พลิ้วไหวเดินใกล้เข้ามาด้วยฝีเท้าเร่งรีบ
“แม่นางเล่า?”
มือที่ถือถังน้ำของฮวาหยางชะงักไป นางได้ยินลุงฝูพูดกับกู้ซิ่งจือว่า “ตอนเย็นกินข้าวแล้วก็กลับไปที่ห้อง ตอนนี้น่าจะพักผ่อนแล้วขอรับ”
อีกฝ่ายพูดจบฮวาหยางก็มองไปยังเปลวไฟที่พลิ้วไหวอยู่หน้าคันฉ่องสำริด และรู้สึกว่าขนบนร่างกายลุกชันขึ้นทันที
ด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเป็นเวลานาน เป็นไปไม่ได้ที่กู้ซิ่งจือจะไม่เห็นแสงไฟข้างใน ดังนั้นความสงบในเวลานี้จึงทำให้นางกังวลมากยิ่งขึ้น
และในเวลานี้เองก็มีเสียงผลักประตูดังขึ้นที่หน้าห้องอาบน้ำ
ทันทีที่กู้ซิ่งจือก้าวเข้ามาก็ถูกกลิ่นสุราที่ฉุนไปทั่วห้องรมจนตกใจ
ในห้องไม่ได้จุดโคมจึงมืดเล็กน้อย