เมื่อหันไปมองด้านข้างก็เห็นแสงไฟส่องมาจากด้านหลังฉากกั้นของห้องอาบน้ำ บนนั้นสะท้อนเงาบอบบางเลือนราง
ภาพของคนที่อยู่บนกำแพงชัดเจนขึ้นมาในสมองทันที แววตาของกู้ซิ่งจือเคร่งเครียด เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำด้วยสีหน้าน่ากลัว
บนพื้นเปียกแฉะ มีแต่น้ำเต็มไปหมด
เขายืนลังเลอยู่นอกฉากกั้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงงอนิ้วเคาะลงไป
มีเสียงก้องดังขึ้นในห้องที่เงียบสงบ ให้ความรู้สึกน่ากลัวเล็กน้อย
เขารออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าข้างในไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จึงนึกขึ้นได้ว่าเหยาเหย่าไม่ได้ยิน เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ชั่วขณะ
แต่หลังจากครุ่นคิดแล้วในที่สุดความสงสัยก็มีมากกว่า กู้ซิ่งจือใจสั่น กลั้นใจแล้วเดินเข้าไป
แสงไฟสลัวราง เพียงแค่เหลือบมองเขาก็ตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนสาวน้อยจะดื่มสุราไปเล็กน้อย แก้มของนางแดงก่ำ ดวงตาคู่งามหยาดเยิ้ม หน้าตามึนเมา เทียบได้กับเสน่ห์ของเดือนสี่ในโลกมนุษย์
ภายใต้แสงไฟริบหรี่ ผิวที่ขาวผ่องและละเอียดอ่อนเปล่งประกายรำไร เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้คนใจเต้นโครมคราม
ดูเหมือนนางจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังก้าวออกจากอ่างอาบน้ำขณะที่ตัวยังเปียกแล้วโน้มตัวไปหยิบเสื้อคลุมนอนบนชั้นวาง
ผมดำที่ยังไม่ได้รวบมัดแลคล้ายน้ำตกที่ไหลลงมากระจายอยู่ด้านหลัง เส้นผมที่ปกคลุมหน้าอกสยายออก เผยให้เห็นก้อนเนื้อกลมเกลี้ยงคู่หนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
อาจเป็นเพราะกลางคืนอากาศเย็น ดอกตูมสีชมพูอ่อนจึงหดตัวกลายเป็นไข่มุกงามสองเม็ด หยดน้ำใสมีทั้งเกาะอยู่และกลิ้งลงมา เป็นประกายคดเคี้ยวภายใต้แสงไฟ…
ดูเหมือนนางจะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวด้านหลังฉากกั้นแล้ว ขณะที่ยกมือขึ้นดึงเสื้อคลุมนอนจึงได้เบี่ยงตัวมองไปทางกู้ซิ่งจือ
ลมหายใจของกู้ซิ่งจือติดขัด เขารีบถอยออกไปก่อนที่นางจะหันมาเต็มตัว คล้ายการวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป” ฉินซู่มองกู้ซิ่งจือที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยื่นศีรษะไปสำรวจด้านหลังเขา แต่กลับถูกเขาดึงกลับมา
“ไม่เป็นอะไร…” กู้ซิ่งจือดึงปกเสื้อ ลำคอที่แห้งผากฝืนพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างยากเย็น
บนหน้าของฉินซู่เต็มไปด้วยความสงสัย เขากลอกตา ยังต้องการที่จะยื่นศีรษะไปสำรวจหลังฉากกั้น แต่ถูกกู้ซิ่งจือดึงแขนพาไปตรงทางเดิน
“เจ้ามาทำอะไร” กู้ซิ่งจือถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ ท่าทางเหมือนรู้สึกผิดเล็กน้อย
แม้ฉินซู่จะไม่เข้าใจ แต่ยังคงเบะปากพูดว่า “จะมาบอกเจ้าให้รู้ว่าร่องรอยของนักฆ่าผู้นั้นเมื่อครู่คนของกรมอาญาหาพบแล้ว ว่ากันว่าเขาไปทางแม่น้ำฉินไหว ข้าได้ส่งคนตามไปแล้ว”
“จริงหรือ”
การตอบสนองอย่างกะทันหันของคนตรงหน้าทำให้ฉินซู่ตกใจ เขาถอยหลังไปสองก้าว จ้องหน้ากู้ซิ่งจือที่ไม่ค่อยปกติแล้วพยักหน้า
ความสงสัยในใจถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้นแล้ว กู้ซิ่งจือคลายความกังวลลง มือจับหน้าผาก ถอนหายใจเบาๆ อยู่ที่ริมทางเดิน
เมื่อครู่เขาไม่รู้สึกตัว เพราะถูกความคิดอย่างหนึ่งทำให้ทำอะไรไม่รอบคอบ
เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่ เหตุใดจึงเหลวไหลจนสงสัยในตัวของเหยาเหย่าได้
นางเป็นเพียงสตรีน่าสงสารที่เพิ่งสูญเสียพี่ชายไปและไม่มีที่พึ่งพา หากถูกนางจับได้ว่าตนเองสงสัยในตัวนาง เกรงว่า…
ในสมองมีภาพดวงตาที่มีแววน้อยเนื้อต่ำใจคู่นั้นของสาวน้อยปรากฏขึ้นตรงหน้า มือที่สั่นเทาของนาง ดวงตาที่มีน้ำเอ่อคลอ และ…เรือนร่างของสตรีที่งดงามขาวผ่องนั้น…
กู้ซิ่งจือรู้สึกเหมือนถูกพลังอันมหาศาลทุบลงมาทำให้วิงเวียนศีรษะ แต่จู่ๆ หัวใจกลับเหมือนจะถูกจุดด้วยฟืนไฟ ค่อยๆ รม ค่อยๆ เผา ทำให้แผ่นหลังของเขามีเหงื่อไหลออกมาเป็นชั้นบางๆ
กู้ซิ่งจือผู้ที่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองและสง่างามเสมอมาเวลานี้รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง
“แล้วยังมัวทำอะไรอยู่ตรงนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม ทำท่าทางจริงจัง “ยังไม่ไปรอข่าวที่กรมอาญากับข้าอีก”
เขาเหลือบมองห้องอาบน้ำที่แสงไฟยังคงสว่างอยู่แล้วก็พลันหน้าแดง ทิ้งฉินซู่ไว้ด้านหลัง
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 2567)