“ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เจ้าฝังคือใคร”
ซ่งอวี้หัวเราะพลางใช้พัดเคาะศีรษะแล้วพูดว่า “ในจดหมายบอกแต่เพียงว่าเขาชื่อฟั่นเซวียน เป็นชาวเมืองซุ่ยเฉิงเขตอี้โจว ตอนที่เสียชีวิตอายุสี่สิบสอง เป็นทหารตั้งแต่ยังหนุ่ม ระหกระเหินอยู่ครึ่งชีวิต หวังว่าหลังเสียชีวิตแล้ววิญญาณจะได้กลับบ้านเกิด”
“ฟั่นเซวียน…”
ชื่อนี้ไม่คุ้นหูจริงๆ กู้ซิ่งจือทำได้เพียงจดจำคำพูดของซ่งอวี้ไว้อย่างเงียบๆ และคิดว่าจะให้ฉินซู่จัดคนของกรมอาญาไปตรวจสอบอย่างละเอียดโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่ซ่งอวี้พูดจบก็นอนยืดแข้งยืดขาลงบนเตียงแล้วพึมพำอย่างไม่พอใจ “พูดมานานถึงเพียงนี้ ปากคอแห้งแล้ว ใต้เท้ากู้ก็ไม่มีสุราให้ดื่มสักอึก…”
กู้ซิ่งจือคร้านที่จะสนใจ เมื่อเก็บตำราการเดินหมากเสร็จก็หยิบเศษเงินออกมาจากถุงผ้าที่เอววางลงบนโต๊ะน้ำชา แล้วลุกขึ้นยืนจะออกไป ทว่าเพิ่งจะขยับแขนเสื้อก็ถูกซ่งอวี้ดึงไว้
เห็นอีกฝ่ายกะพริบตากลมโตคู่นั้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ฟ้ามืดแล้ว ใต้เท้ากู้ก็น่าจะเลิกงานแล้ว ในเมื่อใต้เท้ากู้ไม่เลี้ยงสุราข้า ถ้าเช่นนั้นข้าเลี้ยงเจ้าเอง ดีหรือไม่ ไปที่จวนข้า”
กู้ซิ่งจือดึงแขนเสื้อของตนเองกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย พูดเรียบๆ ว่า “ไม่จำเป็น”
“เอ๊ะ!” ซ่งอวี้คำราม แขนเสื้อของกู้ซิ่งจือถูกดึงไว้อีกครั้ง “ภิกษุกู้ ข้ายังอยากจะถามเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง”
ซ่งอวี้จับแขนเสื้อของกู้ซิ่งจือไว้แน่น ราวกับต้องการจะบีบน้ำออกมาจากข้างใน
“น้องสาวของข้าคิดอย่างไรกับเจ้า เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ นางเข้าพิธีปักปิ่น* จนถึงวันนี้เป็นเวลาสองปีกว่าแล้ว เจ้าปล่อยให้นางรอต่อไป นางก็จะกลายเป็นสาวแก่แล้ว”
กู้ซิ่งจือขมวดคิ้วและพูดด้วยสีหน้ารำคาญอย่างยิ่ง “ข้าให้จวิ้นจู่รอตั้งแต่เมื่อไร”
“แล้วเจ้าไม่แต่งงานกับนางไม่ใช่เป็นการให้นางรอหรอกหรือ” หนุ่มเจ้าสำราญพูดเต็มปากเต็มคำ
นับว่ากู้ซิ่งจืออารมณ์ดี เจอคนที่ตอแยไม่เลิกและไม่มีเหตุผลก็ยังถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ฉางผิงจวิ้นจู่ไม่ยอมแต่งงานแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า”
“เอ๊ะ?” ซ่งอวี้ได้ยินดังนั้นก็เริ่มโกรธ กระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ชี้จมูกของกู้ซิ่งจือแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดถึงไม่เกี่ยวกับเจ้า นางชอบเจ้าตั้งแต่อายุสิบสามและคิดจะแต่งงานกับเจ้าเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีหน้าตาที่เป็นภัยต่อบ้านเมืองและผู้คนโดยเฉพาะสาวน้อย ชิงเกอของพวกเราจะดื้อดึงเช่นนี้หรือ!”
“…” กู้ซิ่งจือถอยหลังไปสองก้าว ดึงแขนเสื้อของตนเองกลับ ขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยว่า “เถียงข้างๆ คูๆ”
พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ ทิ้งร่างด้านหลังของคุณชายรูปงามดุจพระจันทร์ไว้ให้ซ่งอวี้มอง
ในที่สุดเสียงกวนใจด้านหลังก็ห่างไกลออกไป
สายลมอุ่นพัดผ่าน พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตก แสงสายัณห์สาดส่องลงบนผิวน้ำเกิดประกายสีทองระยิบระยับสดใส…
ความงดงามเต็มดวงตา แต่กู้ซิ่งจือกลับรู้สึกในใจว่างเปล่า
เท้าพลันหยุดชะงัก เขาหันหลังขึ้นรถม้า เคาะผนังรถแล้วเอ่ยว่า “ไปกรมอาญา”