“ไม่มีวิธีอื่นที่สามารถไปดินแดนแรกนภาได้แล้วหรือเจ้าคะ”
ไป่หลี่จิ้งหย่วนส่ายหน้า “ไม่มี”
โม่อีเหรินผิดหวังเล็กน้อย แต่นางไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจ ที่นี่ไม่มีวิธี มิได้หมายความว่าที่อื่นจะไม่มี นางจะต้องกลับไปถามท่านตาก่อน
“ท่านลุง ท่านเห็นด้วยกับการที่จิงหงไปช่วงชิงตำแหน่งประมุขตระกูลหรือไม่เจ้าคะ” ก่อนไป โม่อีเหรินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“จิงหงอยากช่วงชิง ข้าก็สนับสนุน จิงหงไม่อยากช่วงชิง ข้าก็สนับสนุน” ไป่หลี่จิ้งหย่วนไม่มีทางบีบบังคับให้บุตรชายของตนทำเรื่องใดๆ
มีบุตรชายที่เก่งกาจ ต่อให้การเกิดของอีกฝ่ายมิได้อยู่ในความคาดหวังของเขา เขาก็ยังรักดุจเดียวกัน
ซ้ำบุตรชายผู้นี้ก็ยังยอมเสียเวลาหลายปีเพื่อค้นหายาแก้พิษและค้นหาสมุนไพรวิเศษที่สามารถบรรเทาอาการให้บิดาที่ถูกพิษอย่างเขา เขาซาบซึ้งใจ แต่ก็ละอายใจเช่นกัน
เวลาที่เขาอบรมสั่งสอนบุตรชายมีน้อยเหลือเกิน แต่ภาระหน้าที่ที่บุตรชายแบกรับเพื่อเขากลับมีมากเหลือเกิน
“ดังนั้นเนื่องจากจิงหงไม่อยากไป ท่านถึงได้ยอมสละพลังชีวิตของท่านเอง ยอมฝืนเพิ่มพูนพลังยุทธ์ก็เพื่อปกป้องจิงหงอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” โม่อีเหรินมองใบหน้าแก่ชราของเขาพลางเอ่ยถามเสียงเบา
“บุตรชายของข้า การปกป้องเขาเป็นเรื่องที่สมควรกระทำ” ไป่หลี่จิ้งหย่วนแย้มยิ้มเอ่ย ต่อให้อายุขัยต้องสั้นลงเพราะเหตุนี้ เขาก็ไม่ใส่ใจ
ความรักของบิดาไร้ซึ่งขอบเขตเช่นนี้ ทำให้โม่อีเหรินประทับใจมาก
ชาติก่อนนางเป็นเด็กกำพร้า ชาตินี้นางมีบิดามารดาก็เหมือนไม่มี ชาติก่อนและชาตินี้นางไม่เคยสัมผัสมาก่อนว่าสิ่งใดเรียกว่า ‘ความรักของบิดา’
ทว่านางมีท่านตา มีพวกพี่ชาย จึงไม่มีอะไรให้เสียดาย
หากแต่ไป่หลี่จิ้งหย่วนเป็นบิดาของไป่หลี่จิงหง เป็นญาติเพียงคนเดียวที่ไป่หลี่จิงหงใส่ใจ หากเขาเป็นอะไรไป ไป่หลี่จิงหงจะต้องเสียใจมาก…
“ท่านลุง ขอให้ข้าดูอาการบาดเจ็บของท่านสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
ไป่หลี่จิ้งหย่วนอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มพลางยื่นมือออกมา “ได้สิ”
โม่อีเหรินถ่ายพลังปฐมสายเล็กๆ เข้าไปตรวจดูผ่านชีพจรข้อมือ เพียงครู่เดียวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
อาการของเขาสาหัสกว่าที่นางสังเกตดูเมื่อครู่
พลังชีวิตสูญเสีย ชีพจรอ่อนแรง สภาพเยี่ยงนี้หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าไป๋เหยาที่ถูกทำลายพลังวัตรเสียอีก
พลังชีวิตสูญเสียไปก็เท่ากับอายุขัยลดน้อยลง และเพื่อรับมือกับยอดราชันยุทธ์หลายคน ไป่หลี่จิ้งหย่วนยังได้ฝืนร่างกายของตนเองจนถึงขีดสุด ยิ่งถึงขีดสุดนานเท่าไร อายุขัยที่สูญเสียไปก็ยิ่งมากเท่านั้น
ผมดำกลายเป็นผมขาวและมีสภาพแก่ชราล้วนเป็นเค้าลางที่เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกบำเพ็ญกำลังมุ่งหน้าสู่ความตาย
“ไม่ต้องห่วงข้า” ไป่หลี่จิ้งหย่วนมีสีหน้าปลงตก ไม่หวังเพ้อพก เพียงแต่ไม่อยากปฏิเสธความเป็นห่วงเป็นใยจากนางจึงได้ให้ความร่วมมือในทีแรก
“หากท่านเป็นอะไรไป จิงหงจะเสียใจ” โม่อีเหรินพูดอย่างจริงจังยิ่ง
“บุตรชายของข้าจะต้องเข้มแข็งแน่นอน” ต่อให้เสียใจก็ทำให้บุตรชายของเขาล้มลงไม่ได้
โม่อีเหรินขมวดคิ้ว “ข้าไม่อยากเห็นจิงหงเสียใจ”
ไป่หลี่จิ้งหย่วนกลับหัวเราะ “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ขณะใช้วิชาลับ เขาก็เตรียมใจรับผลที่ตามมาแล้ว สิ่งที่เขาเสียดายคือสุดท้ายไป่หลี่จิงหงยังคงถูกไป่หลี่เยียนพาตัวไป สิ่งปลอบประโลมใจเดียวคือยอดราชันยุทธ์เหล่านั้นล้วนตายหมดแล้ว อย่างน้อยเกาะหุนก็ไม่มีอันตรายแล้ว
“อีกอย่างก็ขอบใจเจ้าด้วย” ที่สังหารสองคนที่นอกเกาะ
โม่อีเหรินเข้าใจความหมายของเขา ทว่าก็ต้องให้ความกระจ่างแจ้งสักหน่อย