เวลาผ่านไปเช่นนี้ จนนางอายุสามปีในชั่วพริบตา
จากเริ่มแรกที่ฉู่อีเหรินงุนงง ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น จนถึงยามนี้ในที่สุดจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
ที่แท้บนโลกนี้มีการเกิดใหม่ไปยังอีกโลกหนึ่งอยู่จริงๆ ด้วย แต่แค่นางไม่ได้เดินผ่านทางไปสู่อีกโลกหนึ่ง ไม่ได้เข้าสู่ทางน้ำพุเหลือง ไม่ได้พบบุคคลอย่างเช่นผีทั้งหลายที่มีชื่อเสียง ยมทูตดำยมทูตขาว ผู้พิพากษา พญายม เป็นต้น ไม่ได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งอะไรนั่น จู่ๆ ก็ถูกบีบเคล้นออกมาจากท้องสตรีนางหนึ่งพร้อมเสียงเอะอะโวยวาย สรุปแล้วนางมาถึงดินแดนที่ไม่เคยนึกฝัน
จากข้อมูลที่พี่ใหญ่และพี่เล็กเตรียมไว้ให้ ที่นี่เรียกว่า ‘ดินแดนเทพยุทธ์’ เชิดชูการฝึกยุทธ์ ยกย่องผู้เข้มแข็ง มีแนวคิดที่จะต้องเป็นผู้เลิศล้ำที่สุด
อำนาจอันเลื่องลือที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์มาจากสามตระกูล สามสำนัก และสี่สมาคมใหญ่
สามตระกูล แบ่งเป็นตระกูลนักยุทธ์ฉู่ ตระกูลนักยุทธ์ต้วน และตระกูลนักยุทธ์เซียว
สามสำนัก แบ่งเป็นสำนักเถาฮวากู่ สำนักคุนหยาง และสำนักชิงหยวน
สี่สมาคมใหญ่ ประกอบด้วยสมาคมผู้ครองสัตว์วิเศษ สมาคมหมอโอสถ สมาคมช่างหลอม และสมาคมนักล่า
การนับวันเวลาก็คล้ายกับที่นางเคยชินอยู่แต่เดิม หนึ่งปีมีสิบสองเดือน เพียงแต่ละเดือนล้วนมีสามสิบวัน ไม่มีเดือนใดยาวหรือสั้นกว่า ทุกวันมีสิบสองชั่วยาม หนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมงอย่างที่นางเคยชิน ซึ่งมีวิธีคิดเหมือนยุคโบราณ
คฤหาสน์ที่นางอาศัยอยู่เรียกว่า ‘ตระกูลนักยุทธ์ฉู่’ ฉู่อวิ๋นเฟยผู้เป็นบิดา ยามนี้มีตำแหน่งเป็นประมุขตระกูล แล้วนางยังมีท่านอาอีกสองคน
ท่านแม่ของนางมีนามว่า ‘โม่อี้โหรว’ เป็นลูกสาวของหัวหน้าสำนักเถาฮวากู่ การเชื่อมสัมพันธ์ของท่านพ่อท่านแม่เรียกได้ว่า ‘ถูกบีบบังคับ’ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวในความดีพร้อมคือท่านแม่ไม่ใช่สตรีในดวงใจท่านพ่อ
สตรีในดวงใจท่านพ่อคือภรรยารองที่แต่งเข้ามาหลังจากพี่ใหญ่เกิด มีนามว่า ‘ต้วนหลิงหลง’ ภูมิหลังองอาจห้าวหาญยิ่งนัก เป็นน้องสาวประมุขตระกูลต้วน
ส่วนสาเหตุที่ฉู่อวิ๋นเฟยไม่สู่ขอสตรีในดวงใจแต่แรก แต่กลับไปสู่ขอโม่อี้โหรว…
ได้ยินว่าเริ่มแรกระหว่างการทัศนาจรของฉู่อวิ๋นเฟยผู้หล่อเหลารูปงาม ฐานะสูงส่ง บังเอิญพบกับโม่อี้โหรวผู้มีประสบการณ์โชกโชน สองฝ่ายล้วนมีผู้ติดตาม ร่วมกันปฏิบัติภารกิจหนึ่งจนสำเร็จ หลังจากนั้นโม่อี้โหรวก็กลับหุบเขา แจ้งแก่มารดาว่านางจะไม่ยอมแต่งงานกับใครเด็ดขาดถ้าคนผู้นั้นไม่ใช่ฉู่อวิ๋นเฟย
หัวหน้าสำนักเถาฮวากู่ผู้รักลูกสาวดั่งดวงใจก็รีบติดต่อประมุขและผู้อาวุโสตระกูลฉู่ในเวลานั้นทันทีเพื่อกำหนดการแต่งงานครั้งนี้ ฉู่อวิ๋นเฟยที่มีสตรีในดวงใจอยู่ก่อนแล้วแต่กลับไม่ได้แจ้งทางตระกูล ก็เลยช้าไปก้าวหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่อาจฝ่าฝืนการตัดสินใจของผู้อาวุโสในตระกูลได้ แล้วยังไม่อาจล่วงเกินสำนักเถาฮวากู่และบิดาของโม่อี้โหรว จึงต้องยอมแต่งงานกับโม่อี้โหรวอย่างขุ่นเคืองและเศร้าใจ
หลังจากแต่งงาน ความรักของฉู่อวิ๋นเฟยและต้วนหลิงหลงยังคงไม่ขาดสะบั้น ทั้งสองไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง ครั้นโม่อี้โหรวคลอดลูกชายคนแรก ฉู่อวิ๋นเฟยก็ได้รับตำแหน่งประมุขตระกูล จึงค่อยแสดงความปรารถนาไปสู่ขอต้วนหลิงหลงยังสกุลต้วน ระหว่างที่ตระเตรียมสินสอดอย่างพอเหมาะพองามนั้นยังรับรองด้วยว่าจะไม่ให้ต้วนหลิงหลงถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างแน่นอน กอปรกับต้วนหลิงหลงเองก็ยินยอมพร้อมใจ จึงยอมแต่งงานกับฉู่อวิ๋นเฟยแต่โดยดี
ในที่สุดทั้งสองคนก็แต่งงานกันจนกลายเป็นคู่รักหวานชื่น ให้กำเนิดลูกสาวและลูกชายอย่างละคน หลังจากนั้นเว้นไปห้าปีกว่าที่ต้วนหลิงหลงจะตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง แต่กลับเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกับโม่อี้โหรวที่ตั้งครรภ์ได้แปดเดือน จึงแท้งลูกแล้วยังบาดเจ็บ ตั้งแต่นั้นมาก็ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้น ฉู่อวิ๋นเฟยทั้งปวดใจทั้งโมโห ถ้าไม่ใช่เพราะโม่อี้โหรวก็คลอดก่อนกำหนดด้วยเหตุนี้ ร่างกายสูญเสียพลังไปมาก เรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายดายเช่นนี้