“ไม่ต้องกังวลเรื่องราคา เลือกเร็วเข้า” ฉู่เซวียนอั๋งบีบจมูกนางเบาๆ ในเมื่อเขาพานางมาซื้อหนังสือ ย่อมต้องจ่ายเงินให้นางเองอย่างแน่นอน แล้วนางยังจะต้องกังวลว่าเงินตนเองไม่พออีกหรือ
ฉู่อีเหรินมีสมบัติในตระกูลเท่าไร ฉู่เซวียนอั๋งรู้ดีกว่าใคร เขารับเงินค่าขนมให้ทุกเดือน ทั้งเขาและน้องฉียังเป็นคนให้ซองแดงในวันปีใหม่และเทศกาลต่างๆ รวมถึงของขวัญอีกมากมาย รวมสามปี ถ้าเป็นคนทั่วไปนางก็นับว่าเป็นเศรษฐีน้อยแล้ว นี่จะซื้อหนังสือสักเล่มยังกังวลว่าเงินจะไม่พออีกหรือ
“อ๋อ” ฉู่อีเหรินพยักหน้า อ่านรายชื่อหนังสือเสร็จโดยเร็ว
แม้พี่ใหญ่จะพูดเช่นนั้น แต่นางก็ยังยับยั้งชั่งใจ ซื้อหนังสือพวกความรู้พื้นฐานก่อน ส่วนเล่มอื่นที่อยากซื้อ นางจำชื่อไว้ให้ขึ้นใจแล้วต่อไปค่อยว่ากัน มีเพียงหนังสือเกี่ยวกับวรยุทธ์ที่นางไม่ได้เลือก หนึ่งเป็นเพราะนางไม่อาจฝึกยุทธ์ได้ สองคือหนังสือเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานด้านวรยุทธ์สกุลฉู่มีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อ
หลังจากน้องสาวดูเสร็จ ฉู่เซวียนฉีค่อยเพิ่มหนังสือที่ตนเองอยากได้เข้าไป
“คิดเงินด้วย” ฉู่เซวียนอั๋งคืนแผ่นหินทั้งสี่ให้กับหลงจู๊
“ขอรับ โปรดรอสักครู่” หลงจู๊กดที่แป้นกดทีหนึ่ง ด้านหน้าหินทุกแผ่นแสดงรายชื่อหนังสือที่ฉู่อีเหรินเลือกเมื่อครู่ทันที จากนั้นคนขายก็คิดเงินรวมหนังสือตำราทั้งหมดได้
“คุณหนูเลือกหนังสือเกี่ยวกับเตาหลอมห้าเล่ม เกี่ยวกับสมุนไพรห้าเล่ม หนังสือทั่วไปยี่สิบเล่ม คุณชายสามเลือกหนังสือเกี่ยวกับพลังยุทธ์สองเล่ม ทั้งหมดสองตำลึงทอง สิบหกตำลึงเงิน เจ็ดสิบหกจูเฉียน ห้าสิบเฉียน ข้าลดราคาให้คุณชายน้อยสกุลฉู่ เหลือสองตำลึงทองถ้วนขอรับ”
“อืม” ฉู่เซวียนอั๋งจ่ายเงินพลางกำชับคนขายว่า “เจ้าส่งหนังสือเหล่านี้ไปยังคฤหาสน์สกุลฉู่ มอบให้พ่อบ้าน ให้เขาส่งไปที่เรือนเฉิงจู๋”
“ขอรับ คุณชายใหญ่สกุลฉู่ ถ้าต้องการอะไรอีก โปรดให้คนมาส่งข่าวได้ทุกเวลา ผู้น้อยจะส่งแผ่นหินรายชื่อหนังสือไปให้ท่านถึงคฤหาสน์” คนขายก็เป็นคนหัวไว รู้ว่าคุณหนูน้อยนางนี้รักการอ่าน ดังนั้นจึงเสนอ ‘การบริการถึงคฤหาสน์’ เช่นนี้
“ดี” ฉู่เซวียนอั๋งพอใจอย่างยิ่ง จากนั้นก็พาน้องชายน้องสาวออกจากร้านหนังสือไป
หลังจากทั้งสามกลับมานั่งบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว ฉู่เซวียนอั๋งหยิบน้ำสองขวดมาจากตู้ด้านหลังส่งให้น้องสาวและน้องชายคนละขวด
ฉู่อีเหรินจึงรู้ว่าพี่ใหญ่ตระเตรียมแม้แต่ของกินอย่างครบถ้วน เขารอบคอบและใส่ใจอย่างมาก แต่เดิมนางคิดจะให้แวะซื้อของว่างไปกินที่นอกเมือง จึงมิต้องแวะแล้ว
“นอกจากหนังสือ เจ้ายังอยากซื้ออะไรอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ” ฉู่อีเหรินส่ายหน้า นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างที่ใช้เงินของพี่ใหญ่มากมายเช่นนั้น “พี่ใหญ่ ข้าจะใช้เงินจนหมดหรือไม่” สมบัติของนางทั้งหมดยังไม่ถึงหนึ่งตำลึงทองเลยด้วยซ้ำกระมัง
“ไม่หรอก พี่ใหญ่เลี้ยงเจ้าได้” ฉู่เซวียนอั๋งมองดูน้องสาวดื่มน้ำไม่กี่คำก่อนจะช่วยนางเก็บน้ำกลับมา จากนั้นก็มองน้องชายแวบหนึ่ง “ถึงจะรวมน้องฉีด้วย พี่ใหญ่ก็เลี้ยงไหว”
“พี่ใหญ่…” ฉู่เซวียนฉีใจฝ่อเล็กน้อยโดยพลัน ตระหนักได้เองว่าพี่ใหญ่คงจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูเรือนวันนี้แล้ว
“พี่ใหญ่มีเงินมากหรือ” ฉู่อีเหรินประหลาดใจ พี่ใหญ่ของนางไม่ได้ทำงานหาเงินอะไร หรือว่าทางตระกูลให้เงินค่าขนมพี่ใหญ่มากมายเช่นนั้น
“ฉู่อีเหรินอยากรู้วิธีเป็นหมอโอสถและช่างหลอมหรือไม่” ฉู่เซวียนอั๋งเบนความสนใจนาง
“อยาก!” ฉู่อีเหรินนั่งหลังตรงทันที นางมองพี่ใหญ่อย่างรอคอยคำอธิบาย
“ไม่ว่าอยากเป็นหมอโอสถหรือช่างหลอม การมีเชื้อไฟในตัวหรือไม่เป็นเรื่องสำคัญมาก คนที่ไม่มีเชื้อไฟในตัวใช้ได้เพียงเชื้อไฟธรรมดาทั่วไปในการหลอมโอสถหรือหลอมอาวุธ คนเช่นนี้เลื่อนขั้นไปเป็นช่างหลอมหรือหมอโอสถขั้นสูงได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว” แต่ไม่สามารถเลื่อนขั้นสูงกว่านี้ได้
“จะต้องมีเชื้อไฟในตัว?” ฉู่อีเหรินรู้สึกงุนงงยิ่งนัก
นี่หมายความว่าอะไร หรือว่าจะมีไฟลุกออกมาจากในร่างกายได้…
คงเป็นไปไม่ได้กระมัง!
ฉู่เซวียนอั๋งมองดวงหน้าเล็กๆ รูปไข่งดงามน่ารักที่ขมวดคิ้วมุ่นคล้ายหมั่นโถวลูกหนึ่งเบื้องหน้าตนเองนี้ พลันรู้สึกทั้งอารมณ์ดีและนึกขำ จึงอุ้มน้องสาวขึ้นมานั่งบนตัก จากนั้นเล่าให้นางฟังว่า…
“ถ้าอยากจะมีเชื้อไฟ วิธีที่ง่ายที่สุด เร็วที่สุด ปลอดภัยที่สุดคือเป็นผู้ครองสัตว์วิเศษ”
โปรดติดตามตอนต่อไป