บทที่ 6
สาเหตุที่โม่อีเหรินจำถ้อยคำพรรค์นี้ได้แม่นยำเป็นพิเศษนั้น เพราะนางนึกสงสัยว่าขณะที่ท่านตาพูด ไม่รู้สึกว่ากำลังด่าตนเองอยู่หรือไร มิหนำซ้ำท่านตายัง ‘เน้นย้ำมาก’ อีกด้วย
ท่านตา ท่านก็เป็นบุรุษเช่นกัน เลื่อยขาเก้าอี้บุรุษด้วยกันเยี่ยงนี้ได้จริงๆ หรือ
ไป่หลี่จิงหงไม่รู้ว่ายังสามารถพูดอะไรมาทำให้โม่อีเหรินสบายใจได้อีก ได้แต่มองนางด้วยสีหน้าท่าทางทำอะไรไม่ใคร่ถูก ทว่าแววตากลับแน่วแน่ยิ่ง
โม่อีเหรินปล่อยให้เขามองไปอย่างสงบเยือกเย็น แววตาไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อยนิด
เป็นครู่ใหญ่ไป่หลี่จิงหงถึงได้กล่าวว่า “ต่อไปเจ้าพูดอะไร ข้าจะฟัง จะฟังแค่เจ้า”
โม่อีเหรินมองเขา ทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมาอีก ก่อนที่นางจะเอ่ยปากในที่สุด “จะฟังแค่ข้าจริงๆ?”
“อืม”
“คราวนี้จะไม่หลอกข้าอีก?”
“ไม่” ไป่หลี่จิงหงตอบทันควัน จากนั้นก็ลังเลชั่วครู่ถึงค่อยอธิบาย “สิ่งที่ข้าติดค้างนาง ได้ใช้คืนไปหมดแล้ว นางจะไม่สามารถเรียกร้องให้ข้าทำอะไรได้อีกต่อไป”
ไป่หลี่จิงหงไม่ยินยอมติดค้างผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไร
แม้ว่าระหว่างบุพการีและบุตรสาวบุตรชายจะไม่อาจใช้คำว่า ‘ติดค้าง’ มาบรรยายได้ แต่หากเผชิญหน้ากับมารดาที่มีเพียงความสัมพันธ์ทางสายเลือด มีเพียงผลประโยชน์และอุบายแผนการ ไม่มีความผูกพันแม้แต่กระผีกเดียว ไป่หลี่จิงหงก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นมารดา
สำหรับเขา ไป่หลี่เยียนเป็นเพียงสตรีที่เขาติดค้างนางที่ ‘มีบุญคุณให้กำเนิดและมอบเลือดเนื้อให้ครึ่งหนึ่ง’ เท่านั้น
เพื่อบุญคุณและเลือดเนื้อนี้ ไป่หลี่จิงหงได้ใช้ชีวิตของตนเองชดใช้คืนแก่นางด้วยมือตนเอง
ที่เขายังสามารถมีชีวิตรอดมาได้เป็นเพราะอาจารย์ และการรักษาจากหลิงเซ่าจวินกับอาจารย์ของอีกฝ่าย ส่วนผู้ที่ทำให้เขาหายกลับเป็นปกติก็คือโม่อีเหรินที่เขารักสุดหัวใจ
ไป่หลี่จิงหงในตอนนี้อาจจะติดค้างบุญคุณที่ไม่อาจชดใช้ไหวต่อคนเหล่านี้ แต่มิใช่ต่อไป่หลี่เยียนอย่างแน่นอน
ก็เหมือนกับท่าทีที่โม่อีเหรินมีต่อสกุลฉู่ในตอนแรก นางไม่เกลียด ไม่แค้นพวกเขา และก็จะไม่เป็นฝ่ายเล่นงานคนสกุลฉู่ก่อนเช่นกัน
นอกจากฉู่เซวียนอั๋งกับฉู่เซวียนฉีแล้ว คนสกุลฉู่ทั้งหมดเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับนาง
ไป่หลี่เยียนในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นสำหรับไป่หลี่จิงหงเช่นกัน
เป็นเพียงคนแปลกหน้า
คนแปลกหน้าที่ไม่มีค่าให้โกรธ ให้เกลียด หรือแค้นเคือง
“จิงหงคนโง่” โม่อีเหรินกอดเขาไว้แน่น
แม้จะไม่ได้เห็นเองกับตา แต่แค่นึกถึงว่าเขาเกือบจะตายไปแล้ว โม่อีเหรินก็ปวดใจเหลือจะกล่าว
ปวดใจจนอยากจะจับไป่หลี่เยียนมากระทืบสักยก
เคราะห์ดีที่ไป่หลี่จิงหงไม่เป็นอะไร ดังนั้นนางจะไม่เสียเวลาไปจับคนแล้ว แต่จะรอต้อนรับอีกฝ่ายที่เอาตัวมาส่งให้เองถึงที่แทน…คนตระกูลไป่หลี่ก็เช่นกัน นางจะต้อง ‘ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี’ แน่นอน
แน่นอนว่าเรื่องอย่างการต้อนรับขับสู้นี้มิได้ขัดกับเรื่องอบรมสั่งสอนบุรุษของตนเอง
เรื่องพรรค์นี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว จะต้องทำให้ไป่หลี่จิงหงจำให้ขึ้นใจให้ได้ว่าวันหน้าห้ามเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นอีก
“วันหน้าท่านห้ามทำเรื่องโง่เขลาเยี่ยงนี้อีก!”
“อืม ไม่ทำแล้ว เพราะฉะนั้น…เชื่อข้า”
ด้านการจัดการกับสายสัมพันธ์เครือญาติ พวกเขาสองคนช่างคล้ายคลึงกันเสียนี่กระไร
ไป่หลี่จิงหงโชคดีที่มีบิดาที่รักเขา
ส่วนโม่อีเหรินโชคดีที่นางมีท่านตาที่ปราดเปรื่องและมองการณ์ไกล ซ้ำยังมีพี่ชายที่รักนางยิ่งกว่าตนเองอีกสองคน
สิ่งใดที่ไม่ควรค่าให้ทะนุถนอม ก็ไม่จำเป็นต้องเอาแต่คิดวนเวียนถึงมัน